วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 13.30 น. นายชาญวิทย์ ธานี เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอำนาจเจริญ พร้อมด้วยหัวหน้ากลุ่มฯ หัวหน้าฝ่ายฯ และเจ้าหน้าที่สำนักงานฯ เข้าร่วมพิธีเปิดเปิดการจัดงานรณรงค์การถ่ายทอดเทคโนโลยีการลดต้นทุนการผลิตข้าวให้ปฏิบัติได้จริง โดยมี ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เดินทางลงพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญเป็นประธานเปิด“การจัดงานรณรงค์การถ่ายทอดเทคโนโลยีการลดต้นทุนการผลิตข้าวให้ปฏิบัติได้จริง ภายใต้โครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว” ณ ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวอำนาจเจริญ ตำบลคึมใหญ่ อำเภอเมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ พร้อมด้วยผู้บริหารในระดับกระทรวงและระดับกรมที่สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เดินทางลงพื้นที่ในครั้งนี้ด้วย โดยมีนายชนาส ชัชวาลวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ หัวหน้าส่วนราชการและเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญให้การต้อนรับและร่วมกิจกรรมตามโครงการดังกล่าว
นายชนาส ชัชวาลวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ได้กล่าวต้อนรับและรายงานข้อมูลด้านการเกษตรของจังหวัดอำนาจเจริญ ว่าจังหวัดอำนาจเจริญ มีพื้นที่ทั้งหมด 1,975,780 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ทำการเกษตร 1,348,498 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 68 ของพื้นที่จังหวัด โดยมีพืชเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ ซึ่งเป็นข้าวคุณภาพดีที่สุดของประเทศไทย โดยได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดข้าวหอมมะลิระดับประเทศหลายครั้ง มีพื้นที่ปลูกข้าวนาปีประมาณ 1 ล้านไร่ ผลผลิต 390,000 ตัน/ปี มีเกษตรกรผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวจำนวน 44 กลุ่ม 488 ราย กลุ่มแปลงใหญ่ข้าว จำนวน 66 กลุ่ม เกษตรกร 2,883 ราย ศูนย์ข้าวชุมชน จำนวน 47 ศูนย์ เกษตรกร 1,936 ราย นอกจากข้าวที่เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดอำนาจเจริญแล้ว ยังมีสินค้าเกษตรที่สำคัญที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกร ได้แก่ มันสำปะหลัง ยางพารา สินค้าปศุสัตว์ที่สำคัญ ได้แก่ โคเนื้อ จำนวน 119,998 ตัว นอกจากนั้นจังหวัดอำนาจเจริญยังมีแหล่งผลิตพืชผักอินทรีย์ ที่จัดส่งไปจำหน่ายยังตลาดโมเดิร์นเทรด Top Super Market อีกสัปดาห์ละ 7-9 ตัน ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ปัจจุบันกำลังขยายการผลิตเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค
นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว ได้กล่าวถึงการจัดงานในวันนี้ว่า การจัดงาน “รณรงค์การถ่ายทอดเทคโนโลยีการลดต้นทุนการผลิตข้าวให้ปฏิบัติได้จริง ภายใต้โครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว” ครั้งนี้ กรมการข้าว มอบหมายให้ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวอำนาจเจริญ เป็นผู้ดำเนินการจัดงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวทั่วประเทศ และประชาชนทั่วไป ที่สนใจการพัฒนาการผลิตข้าวมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีการลดต้นทุนการผลิต เพื่อเพิ่มผลผลิต เพิ่มคุณภาพผลผลิตข้าว และแก้ไขปัญหาในการผลิตข้าวที่ปรับตัวและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีการแสดง/สาธิต เทคโนโลยีลดต้นทุนการผลิตข้าวที่เหมาะสมเป็นการยกระดับคุณภาพ มาตรฐานเมล็ดพันธุ์ข้าว ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสในการเพิ่มคุณภาพและเพิ่มผลตอบแทนในการผลิตข้าวคุณภาพดีต่อไป โดยรูปแบบการจัดงาน มีการจัดแสดงนิทรรศการและสาธิตการใช้เทคโนโลยีทางการเกษตรสมัยใหม่เพื่อลดต้นทุนการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว การยกระดับคุณภาพเมล็ดพันธุ์ข้าว การผลิตข้าวคุณภาพดีเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น รวมทั้งนิทรรศการทางการเกษตรอื่นๆ จากหน่วยงานราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นอกจากนี้ มีจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว สินค้าเกษตรอินทรีย์ สินค้าเกษตรปลอดภัย จากกลุ่มเกษตรกรและชุมชนเกษตรต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ นอกจากนี้หน่วยงานราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในจังหวัดอำนาจเจริญ ได้ออกบูทจัดแสดงนิทรรศการทางการเกษตรต่าง ๆ โดยมีเกษตรกรผู้ปลูกข้าว และประชาชนทั่วไป เข้าร่วมงานจำนวน 1,000 ราย
ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่าข้าวเป็นพืชที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย และสังคมไทยอย่างยิ่ง จากข้อมูลการปลูกข้าว ปี 2563/64 ทั้งประเทศมีพื้นที่ปลูกข้าวประมาณ 70 ล้านไร่ มีผลผลิตข้าวประมาณ 31 ล้านตันข้าวเปลือก สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีพื้นที่ปลูกข้าวมากที่สุดของประเทศอยู่ที่ประมาณ 40 ล้านไร่ มีผลผลิตข้าวประมาณ 14 ล้านตันข้าวเปลือก โดยพันธุ์ข้าวที่นิยมปลูกคือ ขาวดอกมะลิ 105 และ กข 15 ซึ่งเกษตรกรผู้ปลูกข้าวจึงจำเป็นต้องมีความรู้และเข้าใจในการนำเทคโนโลยีทางเกษตรสมัยใหม่ และการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพมาช่วยลดต้นทุนการผลิตและยกระดับมาตรฐานการผลิตข้าว เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางการเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งให้ความสำคัญกับการผลิตที่ต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลักดันการแปรรูป เกษตรมูลค่าสูง และใช้การตลาดสมัยใหม่ ทั้งด้านการผลิตและจำหน่ายด้วย
ทั้งนี้ ข้าวคุณภาพดีส่วนหนึ่งจะต้องมาจากเมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีมาตรฐาน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการทำนา ในขณะที่เราต้องการผลิตข้าวคุณภาพดีให้ได้ปริมาณมากเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศและส่งออกเพื่อนำรายได้เข้าประเทศมากเท่าใด เราก็ต้องการปริมาณเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ได้มาตรฐานปริมาณมากตามด้วยเช่นกัน โดยในภาครัฐที่ผลิตโดยศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว กรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปีการผลิต 2565/66 มีการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีได้ประมาณ 95,000 ตัน ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อปริมาณความต้องการเมล็ดพันธุ์ข้าวของทั้งประเทศ ที่อยู่ประมาณ 1.33 ล้านตัน ในส่วนหน่วยงานอื่นที่เข้ามาผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อตอบสนองความต้องการของเกษตรกร นอกเหนือจากสหกรณ์การเกษตรและภาคเอกชนที่ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวบางส่วนแล้ว ศูนย์ข้าวชุมชนเป็นช่องทางหนึ่งที่สำคัญยิ่งและใกล้ตัวเกษตรกรที่สุดที่จะมาเติมเต็มปริมาณเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีที่ยังขาดแคลนตามหลักการของศูนย์ข้าวชุมชนที่ “ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวเองโดยชุมชน แล้วกระจายไปสู่ชุมชนของตนเองและชุมชนข้างเคียงอย่างมีคุณภาพ” ในการจัดงานครั้งนี้ คงมีส่วนกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว และประชาชนทั่วไปที่เข้าร่วมงาน ให้รับรู้และเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่ มาใช้เพื่อลดต้นทุนการผลิตข้าวที่เหมาะสม และการยกระดับมาตรฐานเมล็ดพันธุ์ข้าว รวมไปถึงการสร้างโอกาสในการเพิ่มคุณภาพผลผลิต และเพิ่มมูลค่าทางการค้าจากการผลิตข้าวคุณภาพดี โดยเน้นการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดตามนโยบายการตลาดนำการผลิต นำไปสู่การจัดการสินค้าเกษตรสู่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะไม่ทอดทิ้งเกษตรรายย่อยด้วย พร้อมขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร โดยจะดูแลพี่น้องเกษตรกรให้เหมือนเป็นคนในครอบครัว และต้องเอาพี่น้องเกษตรกรเข้ามาเป็นครอบครัวด้วยเช่นกัน เพราะปัญหาจะสามารถพูดคุยและแก้ไขได้ง่ายยิ่งขึ้น เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง หากเกษตรกรมั่นคงและมั่งคั่ง จะทำให้เศรษฐกิจมีการหมุนเวียน และทำให้ประเทศชาติมั่นคงตามไปด้วย