ทคนิคการปักกิ่งชำในขวด พืชงอกเร็ว รอดตายสูง
17 ส.ค. 2563
6,689
0
ทคนิคการปักกิ่งชำในขวด พืชงอกเร็ว รอดตายสูง
ทคนิคการปักกิ่งชำในขวด พืชงอกเร็ว รอดตายสูง

เทคนิคขยายพันธุ์พืชด้วยการปักชำกิ่งพืชในขวด เป็นวิธีแบบพื้นฐาน ที่เห็นว่าเป็นประโยชน์กับหลายท่าน รวมทั้งตัวผู้เขียนด้วย ที่จะได้จดบันทึกเรื่องราวเก็บไว้ดูย้อนหลัง

 

จะว่าไป การปักชำพืชก็มีหลายวิธี โดยมากพืชที่นิยมปักชำนั้นส่วนใหญ่จะเป็นพืชที่มีข้อ เพราะจะมีการแตกรากและตาบริเวณข้อกิ่งง่ายนั่นเอง ที่นิยมปักชำส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นพืชจำพวกไม้ดอก-ไม้ประดับ จะมีบ้างที่เป็นพืชแปลกๆ ในวงการบอนไซ อาจเนื่องจากหาต้นพันธุ์ได้ยากและราคาแพงนั่นเอง แต่เนื่องจากการปักชำโดยทั่วไปมักใช้วิธีแบบควบแน่น เสมือนการเพาะเมล็ด

วันนี้ทีมเกษตรอินทรีย์ จึงขออ้างถึงเรื่องของ การปักชำในขวด โดยเอาส่วนของ กิ่งพืช หรือต้นพืชที่จะปักชำ มาทำการปักชำในขวด

หลักการไม่ยาก จะมีอุปกรณ์สำคัญคือ กิ่งพันธุ์ดี มีด กรรไกรตัดกิ่ง ขวดน้ำเปล่า กระถาง น้ำยาเร่งราก และวัสดุปลูก

ซึ่งก็แล้วแต่ส่วนผสมของแต่ละคน (ส่วนใหญ่จะใช้ขุยมะพร้าว)

เหตุผลที่ต้องมีการปักชำในขวด และข้อดีที่อาจนึกไม่ถึง

  • ลดการใช้น้ำลงถึง 20% รวมไปถึงประหยัดเวลาและน้ำประปาไปด้วย เพราะการปักกิ่งชำในขวด ทำให้น้ำระเหยออกช้าลง
  • ความคุมอุณหภูมิได้อย่างเหมาะสม เพราะภายในขวดมีการจำกัดความชื้นได้ดี
  • ป้องกันแมลง ศัตรูพืชเข้ามาทำลายต้นอ่อน ในขณะที่ทำการปักชำ
  • นำวัสดุที่ไม่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ เช่นขวดน้ำที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์
  • อัตราการงอก และรอดตาย สูงกว่าการปักชำแบบทั่วไป ยกเว้นการปักชำแบบควบแน่น ซึ่งจะมีลักษณะการทำที่คล้ายกัน
 

ขั้นตอน และวิธีการปักชำในขวด

เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม อย่างแรกคือกิ่งพันธุ์ที่เราต้องการขยายพันธุ์ (ในรูปเป็นมะนาวเลมอนด่าง ความยาวประมาณ 6-8 นิ้ว) สำหรับกิ่งพันธุ์สามารถใช้ได้ทั่วไป สังเกตุง่ายๆ คือต้นอะไรที่สามารถตอนได้ ก็สามารถทำการปักชำได้ ส่วนวัสดุชำหรือดินปลูก ในตัวอย่างจะเป็นถ่านแกลบหรือแกลบเผา เราอาจจะใช้ทรายหยายที่ใช้ในงานก่อสร้างได้ แต่จะร่วนมาก หากปักชำไปแล้วรากพืชอาจจะหักได้

ที่สำคัญวัสดุชำหรือดินปลูกนั้น ต้องร่วนซุยให้รากเติบโตและชอนใชได้ดี หาง่ายและต้องอุ้มน้ำเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับชุ่ม อาจใช้ขุยมะพร้าวผสมลงไปในดินก็ได้เพื่อให้อุ้มน้ำดีขึ้น

น้ำยาเร่งราก ตามตัวอย่างใช้ เอ็นเอเอ-แนฟทิลอะซิติกแอซิด เป็นสารพวกออกซินมีผลโดยตรงในการสร้างจุดกำเนิดราก หากไม่มีไม่ต้องใช้ก็ได้ แต่ถ้ามีจะทำให้รากงอกเร็วขึ้น พร้อมกับมีดคมๆ สำหรับตัดขวดน้ำและกรีดผ่ากิ่ง ขวดน้ำขนาด 1.5 ลิตรสำหรับครอบกันการคายน้ำของพืช และกรรไกรตัดกิ่งไม้ โดยอาจจะเผื่อไว้หากกิ่งพันธุ์ไม่ใหญ่มาก

อันดับแรก ต้องตัดขวดก่อนดีกว่า โดยให้ตัดปาดส่วนที่เป็นก้นขวดออกไปก่อนตามรูป กะระดับความสูงว่าขวดสามารถครอบกิ่งพันธุ์ได้พอดี ไม่ชิดเกินไป หากกิ่งยาวอาจจะตัดกิ่งพันธุ์ออกให้สั้นลง หรือหาขวดที่มีลักษณะยาวกว่ากิ่งพันธุ์มาเล็กน้อย

ตัดเสร็จจะได้ตามรูปแบบนี้ หากมีข้อสงสัยว่า ทำไมไม่ตัดปากขวดแล้วคว่ำขวดครอบจะดีกว่าไหม คำตอบคือเมื่อกิ่งพันธุ์อยู่ในระยะแทงรากใหม่ จำเป็นต้องเปิดแง้มขวดให้อากาศภายนอกเข้าบ้าง การแง้มขวดโดยไม่กระทบกับกิ่งพันธุ์คือแค่ บิดฝาขวดออก ดีกว่าจะถอนขวดออกทั้งอันแล้วทำการครอบใหม่

กิ่งพันธุ์ ถ้าเนื้อไม้ไม่แข็งเราปาดโคนกิ่งให้แผลเรียบแล้วใช้มีดผ่าโคนขึ้นมาสักประมาณ 1 cm โดยผ่า 2 ครั้งให้เป็น 4 แฉกได้เลย ต้องระวังอย่าให้กิ่งที่ผ่าออกหักและช้ำมาก เพราะส่วนนี้จะเป็นส่วนที่รากจะเจริญออกมา

หากผ่ากิ่งไม่ได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ให้ใช้วิธีกรีดเป็นแนวตรงแทน แต่ไม่ต้องถี่มาก เพื่อเปิดปากแผลให้รากเจริญออกมาทางแผลที่เปิดนั้น

เมื่อผ่าแล้ว จะได้รอยผ่าตามรูป ส่วนการกรีดที่โคนให้เป็นแผลเราก็สามารถสร้างจุดกำเนิดรากได้มากพอ รากที่ได้จากบาดแผลพวกนี้เราเรียกว่า “wound root” การผ่าโคนกิ่งเราสามารถทำได้ถ้ากิ่งพันธุ์มีเนื้ออ่อนไม่แข็งมาก และที่สำคัญมีดจะต้องคมและสะอาด เวลาผ่าจะทำให้เกิดความเสียหายแก่กิ่งน้อยลง

 
 

นำกิ่งที่ผ่าแล้วแช่ในน้ำยาเร่งรากที่ผสมไว้ปริมาณสัดส่วนก็ 1/15 หรือ 1/20 ถ้ากิ่งพันธุ์นั้นออกรากง่าย แช่ไว้ประมาณ 10 วินาทีก็พอ แล้วนำกิ่งมาวางพักไว้ก่อนเพื่อช่วยให้กิ่งดูดซึมน้ำยาได้ดีขึ้น แช่นานๆ พืชอาจตายได้

เพราะเป็นการนำส่วนของยอดพืชที่ยังไม่แก่จัด มาทำการปักชำ จึงไม่จำเป็นต้องแช่น้ำยาเร่งรากนาน ต่างกับการปักชำพืชที่ใช้ส่วนของกิ่งแก่บางจำพวก ที่อาจต้องแช่น้ำยาเร่งรากเป็นเวลานาน

ผลเสียของการใช้น้ำยาเร่งรากมากเกินไป ในการใช้สารควบคุมการเจริญเติบโตของพืชนี้ โดยเฉพาะในกลุ่มของ Auxin และใช้กับพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ต้องระมัดระวังในเรื่องของอัตราส่วนที่ใช้และความเข้มข้น เพราะสารกลุ่มนี้บางชนิด (เช่น 2,4-Dichlorophenoxyacetic acid (2,4-D)) ในอัตราส่วนที่เข้มข้น มักนิยมใช้เป็นสารกำจัดวัชพืช หรือยาฆ่าหญ้า โดยมีกลไกการทำงานคือ สารนี้จะไปเร่งปฏิกิริยาแห่งชีวิต (metabolism) บางปฏิกิริยาในต้นพืช (โดยเฉพาะพืชใบเลี้ยงเดี่ยว) ให้เกิดในต้นพืชจนเกินขีดจำกัดของต้นพืช จึงทำให้พืชนั้นตาย ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังในการใช้ให้ดี

 
 

วัสดุปักชำในกระถาง ที่เห็นคือถ่านแกลบ รดน้ำเพื่อไล่ด่างออกไปหน่อยสัก 2-3 รอบใช้นิ้วมือกดอัดให้แน่น เพื่อให้ยึดโคนของกิ่งพันธุ์ได้ดีไม่โยกเอนไปมา ใช้วัสดุที่เป็นแท่งๆ อย่างกิ่งไม้หรือตะเกียบแทงนำลงไปสัก 1-2 นิ้วเพื่อเป็นหลุมปลูกไว้สำหรับเสียบกิ่งพันธุ์ที่เตรียมไว้

 
 

เมื่อได้รูเล็กๆ พอที่จะใส่โคนกิ่งพันธุ์ลงไปแล้ว จากนั้นเอาโคนกิ่งพันธุ์วางใส่ลงไปให้ลึกประมาณ 1 ใน 3 ของกิ่ง ระวังอย่าให้ส่วนที่กรีดหัก ใช้นิ้วกดให้เนื้อวัสดุให้แน่นพอดี ไม่ต้องมาก เพื่อให้ยึดกับโคนกิ่งกันล้มก็พอ

 
 

รดน้ำเล็กน้อยเพื่อให้วัสดุปลูกได้ยึดกับโคนกิ่งได้มากขึ้น โดยใช้ฟ๊อกกี้ก็ได้ หรือพรมๆ น้ำเอาก็ได้แล้วแต่ถนัด เสร็จแล้วใช้ขวดที่ปาดก้นออกไปแล้วมาครอบที่กิ่งพันธุ์แบบนี้ เพื่อป้องกันต้นพืชคายน้ำในระหว่างที่ยังไม่แทงราก

การครอบควดไว้นี้ อาจจะกดให้โคนของขวดจมลงไปในวัสดุปลูกเล็กน้อย เพื่อความมั่นคงแข็งแรง อย่าลืมปิดฝาขวดด้วยทุกครั้ง

 
 

จากนั้นนำไปไว้ในที่ร่ม หรือในที่มีแสงรำไรบ้าง ห่างไกลจากสัตว์เลี้ยงและเด็ก ที่จะมาทำให้ขวดล้มและกระทบถึงต้นกิ่งพันธุ์ที่ได้ปักชำเอาไว้

การดูแลกิ่งพันธุ์หลังการปักชำในขวดสำเร็จแล้ว

ในระหว่างที่รอให้กิ่งพันธุ์ออกรากใหม่ ก็ต้องหมั่นสังเกตุบ่อยๆ ว่าวัสดุปลูกนั้นแห้งไปหรือเปล่า ถ้าแห้งก็สามารถรดน้ำเพิ่มได้ ให้พอเปียกอยู่เสมอ อาจจะ 2 วันครั้ง หรืออาจจะ 3-5 วันครั้งก็ได้ พยายามอย่าให้เกิดการกระแทกที่โคนกิ่งพันธุ์

ระยะการออกรากส่วนมากจะอยู่ที่ประมาณ 30-45 วัน ถ้ากิ่งพันธุ์สมบูรณ์แข็งแรงมีอาหารสะสมอยู่มากในดินปลูก การออกรากก็อาจจะสั้นลงอยู่ที่ประมาณ 20-25 วัน

 

จากสถิติ อัตราการงอกและรอดตายจะสูงกว่าการปักกิ่งชำแบบปกติ เพราะแม้ความชื้นในกระถางอาจลดลง แต่ภายในขวดจะยังพอมีให้พืชได้ใช้ประโยชน์ ลดอัตราการแห้งตายได้สูง และยังสามารถป้องกันแมลง มด หรือสัตว์เลี้ยงเข้าทำความเสียหายได้

พอผ่านไประยะหนึ่ง ประมาณ 1-2 อาทิตย์ หากกิ่งพันธุ์ยังสดใสใบไม่ร่วงหรือมีร่วงบ้าง 2-3 ใบแต่กิ่งยังสดแสดงว่ามีโอกาสรอดสูง ถ้าระยะเวลาประมาณ 15-20 วันให้ทำการเปิดฝาขวดบนออกบ้าง จะเป็นช่วงเย็นหรือช่วงที่อากาศไม่ร้อนมาก ให้กิ่งพันธุ์ได้หายใจบ้าง อากาศภายในขวดความชื้นเกือบ 100% ใบอาจจะเหี่ยวร่วงและตายในที่สุด หากปุ๊บปับดึงขวดออกต้นไม้จะตายเอาง่ายๆ ถ้ามีอาการเหี่ยวให้ครอบขวดไว้ก่อนแล้วอาจจะค่อยๆ แง้มฝาขวดแทน โดยไม่ต้องเปิดทั้งหมด

 

ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนึ่งวิธีการขยายพันธุ์พืชด้วย การปักกิ่งชำในขวด แบบนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน ดูเหมือนจะง่ายแต่ลองทำกันดู ไม่ถึงกับง่ายเสียทีเดียว บางครั้งก็ต้องนั่งลุ้นกันว่า จะรอดหรือไม่รอด

ข้อแนะนำเพิ่มเติม กับการปักชำกิ่งในขวด

คำถามหลายคำถามว่า ทำไมไม่ลิดใบออก ให้เหลือแต่กิ่ง ถึงค่อยปักชำ?

คำตอบคือ เนื่องจากการปักชำด้วยวิธีนี้ ใช้กิ่งที่เป็นส่วนยอด กิ่งมีอายุน้อย ไม่แก่มาก หากการลิดใบออกจนหมด จะทำให้กิ่งแห้งตายก่อน เพราะในเนื้อไม้ จะไม่มีอาหารเพียงพอเหมือนกับกิ่งที่ค่อนข้างมีอายุ แต่ก็ไม่ได้เหลือใบไว้เยอะจนเกินไปจนทำให้เกิดการคายน้ำจนหมด

ทั้งนี้ เราจะเว้นใบไว้ตรงส่วนยอดให้มากที่สุด แต่ลิดใบออกในส่วนโคนที่ทำการปักชำ เพราะส่วนยอดอ่อนจะไม่คายน้ำออกมากเท่ากับส่วนโคนกิ่ง กว่าใบจะร่วงหล่น ยอดใหม่ก็จะเริ่มแทงออกมาได้ทันเวลาพอดี อัตรารอดตายสูง (ดูเพิ่มเติม เทคนิคการปักชำมะนาวจากยอด)

 

อ้างอิงที่มาเนื้อหา จากเว็บเกษตรพอเพียง โดย ชาย ท่ายาง เรื่อง ขั้นตอนการปักชำมะนาวเลม่อนด่างในขวด

ตกลง