การปลูกพืชไร้ดิน (Soilless Culture)
3 ส.ค. 2564
100,588
0
การปลูกพืชไร้ดิน (Soilless  Culture)
การปลูกพืชไร้ดิน (Soilless Culture)

การปลูกพืชไร้ดิน (Soilless  Culture)

เป็นการปลูกพืชในสารละลายธาตุอาหารพืช (Water  culture หรือ Hydroponics)  เป็นการปลูกพืชโดยให้รากแช่ในสารละลายธาตุอาหารพืช  และบางส่วนสัมผัสอากาศ (Aeroponics)  หรือเป็นการปลูกพืชบนวัสดุที่ไม่ใช่ดินและรดด้วยสารละลายธาตุอาหรพืชหรือน้ำปุ๋ย (Substrats). ระบบไฮโดรโปนิกส์ที่น่าสนใจ

1.  ระบบ NFT (Nutrient  Film  Technique) เป็นการปลูกพืชโดยให้รากสัมผัสกับสารอาหาร  โดยสารอาหารจะไหลเป็นแผ่นฟิลม์บางๆ  หนา 1-3 มิลลิเมตร  และสารละลายธาตุอาหารจะมีการไหลหมุนเวียนกลับมาใช้อีกครั้ง

2.  ระบบ DFT (Deep  Flow  Technique)  เป็นการปลูกพืชโดยให้รากสัมผัสกับสารอาหารในน้ำลึก 3-5 เซนติเมตร  โดยจะปลูกในราง  ในภาชนะ  หรือในถาดปลูกก็ได้

3.  ระบบ DRFT (Dynamic  Root  Floating  Technique)  จะคล้ายกับระบบDFT เป็นการปลูกพืชโดยให้รากสัมผัสกับสารอาหารในน้ำลึก 3-5 เซนติเมตรและอากาศ

ไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponics)  ที่เหมาะสมสำหรับการเริ่มต้นมือใหม่ คือ ระบบ NFT (Nutrient  Film  Technique)

ข้อดีของการปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์

1. มีการจัดปัจจัยต่าง เช่น น้ำ  ธาตุอาหาร  แสง  และอุณหภูมิให้แก่พืชอย่างเหมาะสม  พืชจึงเจริญเติบโตเร็ว  ผลผลิตมากและสม่ำเสมอ  สะอาด  มีคุณภาพดี  และปลูกได้ต่อเนื่องตลอดปี

2. สามารถปลูกได้ในพื้นที่ไม่มีดิน  หรือดินไม่เหมาะสมต่อการปลูกพืช  ทำให้การใช้น้ำ  ใช้ปุ๋ยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

3. การควบคุมโรค  แมลงศัตรูพืชทำได้ง่ายกว่าพืชปกติ

4. ใช้แรงงานน้อย

ข้อดีของการปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์

1. มีการจัดปัจจัยต่าง เช่น น้ำ  ธาตุอาหาร  แสง  และอุณหภูมิให้แก่พืชอย่างเหมาะสม  พืชจึงเจริญเติบโตเร็ว  ผลผลิตมากและสม่ำเสมอ  สะอาด  มีคุณภาพดี  และปลูกได้ต่อเนื่องตลอดปี

2. สามารถปลูกได้ในพื้นที่ไม่มีดิน  หรือดินไม่เหมาะสมต่อการปลูกพืช  ทำให้การใช้น้ำ  ใช้ปุ๋ยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

3. การควบคุมโรค  แมลงศัตรูพืชทำได้ง่ายกว่าพืชปกติ

4. ใช้แรงงานน้อย

ขั้นตอนการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์

1.      การเตรียมพื้นที่และโต๊ะปลูก  ประกอบโต๊ะปลูกและติดตั้งตามวิธีการประกอบชุดไฮโดรโปนิกส์  และนำโต๊ะปลูกมาวางในตำแหน่งที่ได้รับแสงแดดอย่างน้อย 6 ชั่วโมง/วัน

2.      พันธุ์และเมล็ดพันธุ์ผัก  เมล็ดพันธุ์ผักมี 2 ชนิดคือ 

2.1  เคลือบดินเหนียว  เนื่องจากเมล็ดผักมีขนาดเล็ก  ทำให้เป็นอันตรายและสูญเสียได้ง่าย  จึงมีการเคลือบเมล็ดด้วยดินเหนียว  เมล็ดที่เคลือบจะมีอายุการเก็บรักษาสั้น  เนื่องจากได้มีการกระตุ้นการงอกมาแล้ว  แต่จะสะดวกสำหรับการใช้งาน

2.2    ไม่เคลือบ  คือเมล็ดพันธุ์ปกติ

3.      การเพาะต้นกล้า  นำวัสดุปลูก เช่น เพอร์ไลท์ เวอร์มิคูไลท์ ใส่ถ้วยเพาะและนำเมล็ดผักใส่ตรงกลางถ้วย  กลบเมล็ดและรดน้ำให้เปียกและเก็บไว้ในที่ปลอดภัย  รดน้ำทุกวัน  ประมาณ 3-5 วัน เมล็ดเริ่มงอก  และเริ่มให้สารละลายอ่อนๆ แทนน้ำ

4.      การปลูกบนราง ขนาด 1.5 เมตร 

4.1  ตัวอย่างเติมน้ำ 10 ลิตร  และเติมสารอาหาร A และ B อย่างละ 100 ซีซี  หรือ 10 ซีซี/น้ำ 1 ลิตร 

4.2  นำต้นกล้าที่แข็งแรง  อายุประมาณ 2 สัปดาห์  ย้ายมาวางบนโต๊ะปลูก  และเดินเครื่องปั๊มน้ำ

5.      การดูแลประจำวัน

5.1    รักษาระดับน้ำให้อยู่ในระดับควบคุมอยู่เสมอ เช่น 10 ลิตร

5.2  ควบคุมค่า EC อยู่ระหว่าง 1-1.8  โดยเครื่อง EC meter  ปรับลดโดยการเพิ่มน้ำ  และปรับค่า EC เพิ่มโดยการเพิ่มปุ๋ย  กรณีไม่มีเครื่องวัดสามารถประมาณการเติมสารอาหาร และ ดังตาราง

5.3  ควบคุมค่า pH อยู่ระหว่าง 5.2-6.8  โดยเครื่อง pH meter  หรือ pH Drop  test ปรับลดโดยการกรดฟอสฟอริก  หรือกรดไนตริก (pH down)  และปรับค่า pH เพิ่มโดยการเติมโปตัสเซียมไฮดรอกไซด์ (pH up) ปริมาณ 2-3 หยด

6.      การเก็บเกี่ยว  เก็บเกี่ยวเมื่ออายุ 45 วัน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ มีกี่แบบ

ตกลง