ต้นหอม เป็นผักสวนครัวที่อยู่คู่กับคนไทยมายาวนาน เพราะเป็นพืชที่ปลูกง่าย โตเร็ว ซึ่งดูแลได้ไม่ยาก ปลูกไว้ไม่นานก็สามารถเก็บกินได้แล้ว ส่วนประโยชน์ในการทำอาหารนั้นก็สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นข้าวผัด ไข่เจียว หรือจะซอยโรยหน้าซุปหรือไข่ตุ๋นก็อร่อยใช่ย่อย วันนี้เราจะนำเสนอ ไอเดียในการปลูกผักง่ายจากของเหลือใช้ในบ้าน นั่นก็คือการปลูกหอมแดงในแผงไข่นั่นเอง
วัสดุอุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
- แผงไข่ ซึ่งเป็นถาดแบบกระดาษ จำนวน 5 ใบ ( สามารถขอได้จากร้านขายไข่ได้เลย เพราะเขาไม่ค่อยได้ใช้ )
- หัวหอม จำนวน 30 หัวต่อหนึ่งแปลงถาดใส่ไข่
วิธีการปลูกต้นหอม ในถาดไข่
1. นำเอาแผงใส่ไข่แบบกระดาษที่เตรียมไว้ มาซ้อนกัน 5 ใบ และรดน้ำให้ชุ่มจนทั่ว (สาเหตุที่ต้องนำถาดไข่มาซ้อนกันไว้ 5 ชั้น เพราะว่าถาดไข่ที่อยู่ชั้นล่างสุดจะช่วยเก็บรักษาน้ำที่รดไว้ได้ ช่วยรักษาความชื้นซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของหัวหอม)
2. คัดเลือกเอาหัวหอมที่มีสภาพดี โดยดูว่า หัวหอมไม่เน่า ไม่มีเชื้อราสีดำๆ แล้วจากนั้นก็นำหัวหอมที่คัดเสร็จแล้วไปวางใส่ลงไปในหลุมให้ครบทุกหลุม โดยวางตรงส่วนรากของหัวหอมลงด้านล่าง
3. ทำการ รดน้ำทุกวันเช้า-เย็น เพื่อรอการเติบโตของต้นหอม
หัวหอมเริ่มงอก
เคล็ดลับการปลูกหอมในถาดไข่ให้ได้ผลดี
หอมแดงเป็นพืชที่ต้องการความชื้นมากในการเจริญเติบโต หากมีน้ำเพียงพอก็เจริญเติบโตได้เร็ว ซึ่งต้องคอยหมั่นสังเกตุดูถาดไข่ ถ้าถาดไข่แห้งและแข็งแสดงว่าขาดน้ำ ซึ่งแผงไข่นี่แหละ ที่จะเป็นตัวบ่งบอกถึงปริมาณน้ำได้ดี
แผงไข่นั้นทำมาจากกระดาษแข็ง เวลาเปียกน้ำ น้ำก็จะค่อยๆซึมและแผ่กระจายออกไปยังบริเวณรอบๆ ทำให้แผงไข่ทั้งถาดเปียกชุ่มเท่ากันหมด แม้ว่าเราจะรดไม่ทั่วก็ตาม หัวหอมทุกต้นจึงได้รับความชื้นเท่ากันหมด
ยิ่งซ้อนแผงไข่หลายๆชั้น ยิ่งช่วยให้เก็บความชื้นไว้ได้ดี ( แนะนำให้ซ้อนแผงไข่ประมาณ 5 ชั้น )
ต้นหอมต้องการแสงแดดตลอดทั้งวันเพื่อการเจริญเติบโต ดังนั้น จึงควรวางแปลงผักแผงไข่ในที่ที่มีแสงแดดส่องเข้าถึงด้วย ไม่ควรวางในมุมอับ
จะเห็นได้ว่าวิธีปลูกต้นหอมนั้นไม่ยากเลย เพียงแค่วางหัวหอมในถาดกระดาษแล้วรดน้ำทุกวัน แค่นี้เราก็จะมีต้นหอมไว้ทานเองตลอดปีแล้ว ใครที่ชอบทานต้นหอมอย่าพลาดวิธีนี้เลยเชียว ไม่ต้องรอนาน ปลูกแป๊บเดียวก็สามารถเก็บกินได้เลย ปลูกติดครัวไว้เวลาจะนำมาประกอบอาหารก็สามารถตัดใบมาได้เลย จะได้ไม่ต้องไปซื้อที่ตลาด ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อีกทางหนึ่งด้วยนะคะ
สามารถนำไปประกอบอาหารได้แล้ว
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : sanook, dooline.com