ข้าวฟ่างเป็นธัญพืชเศรษฐกิจที่มีความทนทานต่อความแห้งแล้งได้ดี นิยมปลูกในปลายฤดูฝน ผลผลิตเมล็ดข้าวฟ่าง และต้นข้าวฟ่างที่ได้ส่วนใหญ่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ในประเทศ
ข้าวฟ่างเจริญเติบโตได้ในดินเกือบทุกชนิด แต่ดินที่เหมาะสมและให้ผลผลิตสูงจะเป็นดินร่วนเหนียวระบายน้ำดีมีความเป็นกรดด่าง (pH) อยู่ระหว่าง 5.0-7.5 อุณหภูมิที่อยู่ระหว่าง 27-30 องศาเซลเซียส เป็นพืชที่ต้องการน้ำตลอดฤดูปลูกไม่มากนัก จึงเหมาะแก่การปลูกในที่นาหลังนาปี การเตรียมพื้นที่ปลูกไถดินให้ลึก 15-20 ซม. ตากไว้ 1-2 สัปดาห์แล้วพรวนให้ร่วนซุย หากต้องการคุณภาพเมล็ดที่สูงควรปลูกช่วงหลังเก็บเกี่ยวข้าวนาปีทันทีเพราะดินยังมีความชื้นสูง
วิธีปลูกหากเป็นแบบหว่านใช้เมล็ดข้าวฟ่างอัตรา 2-3 กก./ไร่ หรือโรยเป็นแถว ใช้เมล็ดพันธุ์ 2 กก./ไร่ ถอนแยกให้เหลือ 10 ต้นต่อแถวยาว 1 เมตรหลังงอก 15 วัน ส่วนการหยอดเป็นหลุมใช้เมล็ดพันธุ์ 2 กก./ไร่ ระยะระหว่างแถว 60 ซม. ระยะระหว่างหลุม 30 ซม. หยอดหลุมละ 6-7 เมล็ด แล้วถอนให้เหลือหลุมละ 3 ต้น หลังงอก 15 วัน
หากในดินมีความอุดมสมบูรณ์สูงไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ย หากต่ำควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อปรับปรุงคุณสมบัติของดิน ควรแบ่งใส่ 2 ครั้ง ครั้งแรกใส่พร้อมปลูก ครั้งที่ 2 เมื่องอกได้ 21-28 วัน โดยโรยระหว่างแถวแล้วพรวนดินกลบพร้อมกำจัดวัชพืช
ดายหญ้าเมื่ออายุ 21-35 วันหลังงอก และจะเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุ 80-90 วัน หลังงอก หรือหลังดอกบาน 30-35 วัน ซึ่งสังเกตได้จากเนื้อเยื่อที่อยู่ใต้เปลือกเมล็ดบริเวณที่ติดกับขั้วของฐานดอกเปลี่ยนเป็นสีดำแสดงว่าเมล็ดสุกแล้ว เก็บเกี่ยวโดยตัดช่อมาตากแดด 2-3 วัน จากนั้นนวดด้วยเครื่องทำความสะอาดด้วยเครื่องเป่าลมตากแดดอีก 1-2 วัน ก็สามารถนำไปจำหน่ายได้