กรมวิชาการเกษตรแจ้งเตือนภัย
ช่วง วันที่ 10 – 16 พฤษภาคม 2560
สภาพอากาศร้อนจัดและมีฝนตก ผักบุ้งในทุกระยะการเจริญเติบโต ระวังโรคราสนิมขาว(เชื้อรา Albugo ipomoea-panduratae)
1. โรคราสนิมขาว White Rust
สาเหตุ เชื้อรา Albugo ipomoea-aquaticae Sawada เป็นเชื้อราชั้นต่ำ
อาการ จุดสีเหลืองซีดด้านบนของใบ ด้านใต้ใบตรงกันข้ามจะเป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ ขนาด 1-2 มิลลิเมตร อาจพบลักษณะปุ่มปม หรือบวมพองโตขึ้นในส่วนของก้านใบและลำต้น
การป้องกันรักษา
1. กำจัดวัชพืชในแปลงปลูก
2. แปลงที่เกิดโรคระบาด ควรงดการให้น้ำแบบพ่นฝอย และ
ไม่ควรให้น้ำจนชื้นแฉะเกินไป
3. ตรวจแปลงปลูกสม่ำเสมอ โดยเฉพาะใบล่างๆ เมื่อพบโรค
ตัดส่วนที่เป็นโรค ไปเผาทำลายนอกแปลงปลูก หากโรคยังคง
ระบาดพ่นทุก 7 วัน ด้วยสารเมทาแลกซิล 25% ดับเบิ้ลยูพี
อัตรา 20 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร สลับกับแมนโคเซบ 80%
ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 20–30 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นให้ทั่ว
โดยเฉพาะบริเวณด้านใต้ใบ
4. หลังการเก็บเกี่ยว ควรนำเศษซากพืชไปเผาทำลายนอก
แปลงปลูก
5. พื้นที่ที่เกิดโรคระบาด ควรปลูกพืชชนิดอื่นหมุนเวียน
อย่างน้อย 2–3 ปี
6. ฤดูปลูกถัดไป
– การเตรียมดินก่อนปลูก ควรไถดินตากแดดให้นาน หรือ
หว่านปูนขาว อัตรา 100 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วไถกลบทิ้งไว้
ประมาณ 2 สัปดาห์ ก่อนปลูก จะช่วยลดการเกิดโรค
– ใช้เมล็ดพันธุ์ จากแหล่งที่ไม่มีโรคระบาดมาก่อน
– คลุกเมล็ดก่อนปลูกด้วยสารเมทาแลกซิล 35% ดีเอส
อัตรา 7 กรัม ต่อ เมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัม
– ไม่หว่านผักบุ้งแน่นเกินไป เพราะจะทำให้มีความชื้นสูง
2. โรคใบไหม้ Leaf blight
สาเหตุ เชื้อแบคทีเรีย Xanthomonas compestris pv. (pathovar กำลังอยู่ในขึ้นตอนของการทดสอบ)
อาการ เกิดจุดตุ่มใสเล็ก ๆ ใต้ใบ ต่อมาจุดแผลจะขยายออกกลายเป็นสีน้ำตาล-สีดำ ฉ่ำน้ำ ใบจะเหลืองซีดและแห้งเหี่ยวร่วงหล่นจากต้น
การป้องกันรักษา
1. เก็บรวบรวมพืชที่เป็นโรค เผาทำลาย
2. ใช้ปูนขาวอัตรา 500 กิโลกรัมต่อไร่ คลุกดินแล้วตากดินไว้อย่างน้อย 1 เดือน
3. ปลูกพืชชนิดอื่นหนุนเวียน