การเลี้ยงผำ แบบง่ายๆ
สรุปอบรมปิ่นโตความรู้ครั้งที่58 อาทิตย์ที่20กันยายน.63
วันนี้ถ้าเราเดินไปที่บ่อน้ำที่มีแหนขึ้นอยู่ มองผิวเผินอาจมองเป็นแค่แหนมาขึ้นในบ่อของเรา แต่ถ้าเราตักขึ้นมาดู เราจะเห็นพืชสีเขียวเล็กๆที่เรามองเห็นเป็นแหนนั้น มองให้ชัดๆเราจะเห็นพืชขึ้นรวมอยู่3ชนิดด้วยกัน คือแหนเป็ด มีลักษณะมีใบสีเขียวใหญ่ อยู่2-3ใบ ผำ ต่อมาจะเป็นกลุ่มแหนแดง ซึ่งเป็นเฟิร์นน้ำขนาดเล็ก ลักษณะใบคล้ายเฟิร์นลายกนก และจะเห็นผำ พืชจิ๋วที่อัดแน่นไปด้วยสารอาหาร โดยเฉพาะโปรตีนและกรดไขมันโอเมก้า 3 จนทำให้นักโภชนาการเริ่มมองว่า ผำอาจจะเป็นซูเปอร์ฟูด (superfood) ใหม่ของโลก
ผำหรือไข่ผำ,ไข่แหน ไข่น้ำ จัดอยู่ในกลุ่มแหนเป็ด (แหนแดง แหนเป็ดเล็ก แหนเป็ดใหญ่) ที่เป็นวัชพืชน้ำขนาดเล็กที่สุดที่มีดอก พบได้ในเขตประเทศอบอุ่นทั่วโลก ทั้งเอเชีย และแอฟริกา ส่วนในประเทศไทยพบแพร่กระจายในทุกภาค ตามแหล่งน้ำนิ่งต่างๆ โดยเฉพาะสระน้ำหรือบ่อน้ำขนาดเล็ก ซึ่งมักอยู่บนกับแหนเป็ดชนิดอื่นหรือลอยอาศัยที่ผิวน้ำเพียงชนิดเดียว
ประโยชน์ผำ/ไข่ผำ
1. ไข่ผำในทุกภาคนิยมช้อนเก็บมาทำอาหาร เนื่องจาก อาทิ แกงไข่ผำ ไข่เจียวไข่ผำ ยำไข่ผำ เป็นต้น
2. ไข่ผำนำมาผัดให้สุก และตากแห้ง หรือนำมาตากให้แห้งก่อนนำมาผัดร่วมกับเกลือหรือเครื่องจิ้มที่ใช้สำหรับคลุกปะหน้าขนมขบเคี้ยว อาทิ แผ่นมันฝรั่งทอด ถั่วลิสงอบ เป็นต้น
3. ไข่ผำใช้เป็นส่วนประกอบของขนม อาทิ ขนมเกรียบกุ้ง เป็นต้น
4. ไข่ผำนำมาสกัดคลอโรฟิลล์สำหรับเป็นอาหารเสริม หรือหรือสกัดให้อยู่ในรูปของสารโซเดียมคอบเปอร์คลอโรฟิลลิ่น
3. ไข่ผำสดใช้เป็นอาหารเลี้ยงเป็ด และเลี้ยงสุกร รวมถึงโค และกระบือ ช่วยให้เกษตรลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาหารสัตว์ได้
4. ไข่ผำนำปล่อยในบ่อเลี้ยงปลาชนิดที่กินพืช อาทิ ปลานิล ปลาตะเพียน และปลาไน เป็นต้น เพื่อเป็นอาหารเสริมตามธรรมชาติให้แก่ปลา ทั้งนี้ จะปล่อยในปริมาณน้อย และต้องควบคุมปริมาณไม่ให้แพร่กระจายปกคลุมผิวน้ำ
5. ใช้ปล่อยในบ่อบำบัดน้ำเสียสำหรับลดค่าความสกปรกของน้ำ โดยเฉพาะสารไนโตรเจนที่เป็นแร่ธาตุสำคัญของการเติบโต และโลหะหนักชนิดต่างๆ
การเลี้ยงผำแบบง่ายๆ
1.เลี้ยงผำเพื่อรับประทานหรือเป็นวัตถุดิบสำหรับปรุงอาหาร
การเลี้ยงผำเพื่อรับประทานต้องใช้ความสะอาดเป็นพิเศษ นิยมเลี้ยงในรองบ่อซีเมนต์ หรือบ่อปูน เพราะเลี้ยงในบ่อดินเราควบคุมความสะอาดยาก
วิธีเตรียมบ่อและการเลี้ยง
1.นำรองบ่อซีเมนต์ขนาด 80-90 ซม.มาวางในที่ร่มรำไร ถ้าวางกลางแจ้งต้องมุงหลังคาแสลน ที่พลางแสงได้ 50เปอร์เซ็นต์ สำหรับรองบ่อซีเมนต์ใหม่ ต้องลดความเป็นด่างด้วยการเติมน้ำให้เต็มรอง ใส่ต้นกล้วยสับเป็นแว่นใหญ่ๆลงไป หมักทิ้งไว้ 20วันจึงนำออกจากบ่อ ล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งหนึ่ง
2.แบ่งรองบ่อเป็น4ส่วน เติมน้ำสะอาด 3ส่วน(ควรเป็นน้ำกรองดีที่สุด) ใส่น้ำหมักชีวภาพที่เป็นกลุ่มไนโตรเจนสูงเช่น จุลินทรีย์นมสด น้ำหมักกากถั่ว น้ำหมักปลา นำหมักมูลไส้เดือน เป็นต้น จำนวน 1ช้อนแกง
3.ใส่พันธุ์ผำลงไปเลี้ยง 1 รอง ใส่ผำ 2 - 5 ขีด เปลี่ยนน้ำทุกๆ7วัน เลี้ยงประมาณ ครึ่งเดือน ก็สามารถช้อนไปใช้ประโยชน์ได้ อุปกรณ์ที่ช้อนคือสวิงช้อนสำหรับตู้ปลา
4.การช้อนผำ ออกไปจากบ่อควรเหลือไว้40 เปอร์เซ็นต์เพื่อขยายพันธุ์ต่อไป วิธีการเลี้ยงทำแบบข้อที่3
สำหรับกรณีที่ตักจะบ่อที่มีแหนอย่างอื่นปะปน เราไม่รู้เทคนิคจะแยกยาก เวลาช้อนใช้ตาข่ายที่ทำจากผ้ามุ้งเขียว ช้อนบริเวณที่มีผำธรรมชาติขึ้นอยู่ ซึ่งจะมีแหนหรือสิ่งอื่นๆปะปนอยู่ จากนั้นนำมาวางบนปากกะละมัง ราดน้ำลงไปแรงๆ ผำซึ่งมีขนาดเล็กกว่าช่องตาข่ายก็จะหลุดลอดช่องตาข่ายลงไป เราสามารถเก็บไปเลี้ยงได้ต่อไป
ถ้าเลี้ยงในโหลแก้วขาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 15-30 ซม. ใส่น้ำหมักไนโตรเจนสูง 1ช้อนแกง พันธุ์ผำ 1 ช้อนโต๊ะ เลี้ยงเหมือนเลี้ยงในรองซีเมนต์
2.การเลี้ยงผำเพื่อเป็นอาหารสัตว์
ผำจัดเป็นพืชที่มีโปรตีนค่อนข้างสูง อาจน้อยกว่าแหนแดงแต่มากกว่าแหนเป็ดมาก ดังนั้นถ้าเราเลี้ยงเอาไว้ผสมอาหารสัตว์หรือเป็นอาหารปลากินพืชในวัยอ่อนถือว่ามีประโยชน์มาก แม้กระทั่งปลาตู้
การเลี้ยงแบบนี้นิยมเลี้ยงในบ่อดิน ระดับน้ำไม่ควรเกิน50-60ซม. ร่องสวน คูน้ำสามารถเลี้ยงได้แต่ไม่ควรมีปลากินพืชอาศัยอยู่ เพราะจะกินผำที่เราเลี้ยง
การเตรียมบ่อเลี้ยง
1.เตรียมล้างทำความสะอาดบ่อ จับปลาที่กินพืชออกให้หมด
2. เติมสารอาหารให้ผำ เช่นมูลไส้เดือนใช้อัตรา 1กก./พื้นที่5ตารางเมตร ที่ระดับน้ำ50ซม หรือปุ๋ยยูเรีย อัตรา1กก./พื้นที่30 ตารางเมตรที่ระดับน้ำ 50-60ซม
3.ปล่อยพันธุ์ผำลงไป 1กก./พื้นที่ 10 ตารางเมตร
4.เลี้ยงไว้ประมาณ 20วันจึงค่อยช้อนไปเป็นอาหารสัตว์ เหลือไว้ 40เปอร์เซ็นเพื่อขยายพันธุ์ต่อ
การเลี้ยงในบ่อดิน ควรเป็นบ่อที่มีนำใสสะอาด มีการถ่ายน้ำบ้างเป็นระยะๆ
เกร็ดความรู้เพิ่มเติม
1...ผำที่เลี้ยงในบ่อดิน ถ้าหากเราต้องการไปรับประทานหรือจำหน่ายเป็นอาหาร เราต้องช้อนไปเพาะเลี้ยงในบ่อซีเมนต์อีกครั้งหนึ่งเพื่อให้ผำสะอาด ไม่เหม็นกินโคน
2...ผำที่เลี้ยงในร่องสวน ควรมีการพลางแสงประมาณ50เปอร์เซ็นต์ อาจจะใช้ร่มไม้ในสวนช่วยพลางแสง หรือแสลนกางเพื่อพลางแสง
3..ผำสามารถแปลรูปเป็นอาหารได้หลากหลายรูปแบบ แต่ตัวผำนั้น ไม่มีรสชาดในตัวเอง ทำให้อาหารที่ปรุงจากผำมีรสชาติไม่เปลี่ยนแปลง
4.ปัจจุบันผำสามารถเพาะจำหน่ายได้ ราคาอู่ในช่วง กก.ละ80-120บาท
5.ผำ สามารถใส่ถุงเก็บในตู้เย็นได้15-30วัน อยู่ที่แพคกิ้ง ห้ามใส่ช่องแช่แข็ง
6.ผำเป็นพืช ที่ใช้วัดค่าน้ำ น้ำเสีย นำปนเปื้อนสารเคมี ผำจะไม่เจริญเติบโต
ก็สรุปให้ท่านที่ไม่สามารถมาอบรมได้ได้เข้าใจและสอบถามครับส่วนทางช่องยูทุ)ต้องติดตามเพราะมีคนถ่ายไว้
สอบถามข้อมูลจากวิทยากรได้ที่ คุณกมลวรรณ ไร่แสงสกุลรุ่ง กาญจนบุรี 0917536491
ที่มา : Facebook เรียนเกษตรง่ายๆกับครูชาตรี