“กะเพรา” เป็นพืชผักสวนครัวในวงศ์ Lamiaceae ที่อยู่ครัวไทยมาอย่างยาวนาน กะเพรานั้นถือได้ว่าเป็นพืชที่มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว กลิ่นหอมฉุนที่ไม่ว่าจะได้กลิ่นอีกกี่ครั้งก็พาให้ท้องส่งเสียงโครกครากอยู่เสมอ กะเพราไม่เพียงแต่ปรากฎตัวในฐานะส่วนหนึ่งของอาหารยอดนิยมอย่าง “ผัดกะเพรา” เท่านั้น แต่ยังนิยมใช้เป็นยาสมุนไพร เนื่องจากกะเพรานั้นมีรสฉุนร้อนจึงสามารถที่จะช่วยขับลมและแก้อาการจุกเสียดท้องได้ดี อีกทั้งยังมีสรรพคุณในการช่วยบำรุงธาตุอีกด้วย กะเพรานั้นแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ กะเพราแดงและกะเพราขาว โดยกะเพราแดงจะมีฤทธิ์ที่แรงกว่ากะเพราขาว สำหรับการใช้ประโยชน์เพื่อเป็นยานั้นจึงนิยมใช้กะเพราแดงมากกว่า ซึ่งโดยมากแล้วนั้น กะเพราที่เราพบเห็นนั้นจะความสูงเพียง 30-60 เซนติเมตรเท่านั้น แต่วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านจะพาไปดูวิธีการ “แกล้งกะเพรา” เพื่อให้ได้กะเพราต้นใหญ่ ใบเยอะ จะปลูกเพื่อบริโภคหรือเพื่อการตกแต่งก็สามารถทำได้ทั้งสิ้น 

          “การแกล้งกะเพรา” คือ วิธีที่ทำให้ต้นกะเพรานั้นเติบโตอย่างรวดเร็ว ออกใบได้เยอะ และมีอายุที่ยืนยาวขึ้น โดยผู้ที่เผยแพร่วิธีการแกล้งกะเพรานี้ คือ อาจารย์กมล สุวุฒโท อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ โดยได้อธิบายว่าการแกล้งกะเพราคือการหมั่นเด็ดยอดดอกของใบกะเพราในทุกๆ เช้า เพื่อไม่ให้ต้นกะเพราออกดอกได้ อันเป็นหนึ่งในกระบวนการขยายพันธ์ุของพืชชนิดนี้ ซึ่งเมื่อดอกกะเพรานั้นออกดอก ต้นกะเพราจะเฉาและตายลง แต่เมื่อเราเด็ดดอกของต้นกะเพราออกในทุกๆ เช้า ต้นกะเพราก็จะสามารถออกดอก ออกใบ และแตกหน่อได้ดีขึ้น เนื่องจากการ “แกล้งกะเพรา” นี้ คือ การทำให้กะเพราคิดว่าดอกที่ถูกเด็ดออกไปในแต่ละวันคือสัญญาณว่าต้นนั้นไม่สามารถขยายพันธุ์ได้ ทำให้กะเพราเร่งการออกดอกออกใบมากยิ่งขึ้น และเมื่อทำการแกล้งใบกะเพราอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้ต้นกะเพราที่ปกติจะสูงเพียง 30-60 เซนติเมตร เติบโตและสูงขึ้นจนมีลักษณะเป็นพุ่มขนาดใหญ่ เนื่องจากต้นกะเพราถูกเร่งการเจริญเติบโตผ่านการเด็ดยอดดอกในทุกๆ วัน ด้วยวิธีการนี้เองที่ทำให้กะเพรานั้นสามารถออกใบและมีพุ่มที่สวยงาม โดยเป็นประโยชน์ได้ทั้งการปลูกไว้บริโภค ค้าขาย และตกแต่งในบริเวณบ้านและสวน