“แตงร้าน” ถือได้ว่าเป็นพืชที่อยู่คู่ครัวคนไทยมาอย่างยาวนาน เป็นที่นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลายทั่วโลกทั้งการบริโภคสดและแปรรูป เนื่องจากมีคุณค่าทางอาหารทั้งวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย อีกทั้งแตงร้านยังมีน้ำเป็นองค์ประกอบถึงร้อยละ 96 จึงมีคุณสมบัติแก้กระหาย และเพิ่มความชุ่มชื้น และช่วยการกำจัดของเสียตกค้างในร่างกายอีกด้วย และเป็นพืชที่ตลาดมีความต้องการตลอดทั้งปี
“แตงร้าน” เป็นพืชที่ปลูกง่าย อายุสั้น การเจริญเติบโตเป็นพุ่มและมีเถาเลื้อย เดิมมีถิ่นกำเนิดอยู่แถบเอเชีย มีการบันทึกประวัติการปลูกมากกว่า 3,000 ปีแล้ว อยู่ในวงศ์เดียวกับแตงโม ฟักทอง บวบ มะระ น้ำเต้า ในแตงร้าน 1 ต้นจะมีดอกตัวผู้และดอกตัวเมีย เมื่อผสมเกสรจะติดผลที่ดอกตัวเมีย ซึ่งการปลูกแตงร้าน 30-45 วันก็เก็บเกี่ยวได้แล้ว
คุณพิไลรัตน์ กาวน อายุ 26 ปี และ คุณพิทักษ์ สนิทสตรี อายุ 28 ปี สองสามี-ภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 245 หมู่ที่ 4 ตำบลท่าสวรรค์ อำเภอนาด้วง จังหวัดเลย เล่าให้ฟังว่า “ความรู้การปลูกแตงร้านเริ่มจากศูนย์” ภายในหมู่บ้านมีการปลูกแตงร้านกันอย่างแพร่หลาย รายได้ดี ตนเองและสามีจึงทดลองปลูกตามคำแนะนำของญาติ และชาวบ้านผู้เคยปลูกมาก่อน อีกทั้งยังได้ศึกษาตามโซเชียลมีเดียต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มเฟซบุ๊ก ยูทูบ ฯลฯ ซึ่งช่วยได้เยอะ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการปลูก การบำรุงรักษา รวมไปถึงด้านการตลาดด้วย การปลูกแตงร้านเราไม่ได้ทำตลอดทั้งปี ใน 1 ปี จะปลูก 1-2 ครั้งเท่านั้น หลังว่างเว้นจากงานหลักของเรา
โดยการปลูกแตงร้านมีข้อดีคือใช้ระยะเวลาสั้น ประมาณ 33-40 วันก็ได้เก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว ซึ่งระยะเวลาการเก็บเกี่ยวขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ด้วย อย่างที่เราเลือกเมล็ดพันธุ์จะเลือกสายพันธุ์ที่มีอายุสั้น ลูกสีเขียว ออกลูกดก น้ำหนักดี ตามที่ตลาดต้องการ ถ้าสายพันธุ์ลูกสีเขียวจะเก็บอยู่ได้หลายวัน ส่วนลูกสีขาว 1-2 วันก็จะเริ่มออกเป็นสีเหลืองไม่เป็นที่ต้องการของตลาด
ทั้งนี้ คุณพิไลรัตน์ เล่าอีกว่า การปลูกแตงร้าน ต้องเตรียมดินให้ดี เริ่มจาการไถ 1 รอบ แล้วไถพรวนอีกรอบ เพื่อกำจัดวัชพืชและช่วยให้ดินร่วนซุย โรยปุ๋ยรองพื้น สูตร 16-20-0 หรือ สูตร 16-8-8 ผสมกับปุ๋ยอินทรีย์ ตามแนวแถวที่จะปลูกแตง เพื่อให้เสริมธาตุอาหารครบสมบูรณ์ จากนั้นหยอดเมล็ดในหลุมที่เตรียมไว้ ใน 1 หลุม จะหยอด 2-3 เมล็ด แต่ละหลุมจะห่างกัน 30 เซนติเมตร
เมื่อแตงเริ่มโตได้ 10 วัน ก็เริ่มพ่นฮอร์โมนเรื่อยๆ ทุกๆ 5-7 วัน และให้น้ำโดยระบบสปริงเกลอร์ ทุกเช้า วันละ 1 ครั้ง ธรรมชาติของแตง เป็นพืชที่ต้องการน้ำในระดับพอดี ไม่ชอบน้ำท่วมขัง หรือดินแฉะ จะทำให้เสี่ยงต่อโรครากเน่าโคนเน่าได้ และเมื่อแตงอายุ 10-12 วัน ใส่ปุ๋ย สูตรเสมอ 16-16-16 ทุก 7 วัน ไปเรื่อยๆ เพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโต ต้น ใบ ดอก และผล อย่างสม่ำเสมอ
การใส่ปุ๋ยจะทำอยู่ 2 ระบบ ทั้งแบบโรยปุ๋ยตามต้น และแบบสปริงเกลอร์ ในแบบสปริงเกลอร์เพื่อไว้ล้างใบของแตงที่กำลังเจริญเติบโต เพราะพื้นที่ละแวกนี้มีการปลูกอ้อยกันเยอะ ใช้สารเคมีกันอย่างแพร่หลาย แต่ถ้าฝนตกจะใช้วิธีโรยปุ๋ยลงดินตามต้น สลับกันไป
ทั้งนี้ “แตงร้าน” เป็นพืชเถาเลื้อย ต้องทำ “ค้าง” ให้เถาสามารถเกาะเกี่ยวกับตาข่ายที่เราเตรียมไว้ได้ โดยควรปักค้างให้เร็วที่สุดหลังหยอดเมล็ด ดีกว่าปักเมื่อแตงเริ่มงอกขึ้นมา เพราะไม้ค้างที่ปักอาจทำให้รากหรือลำต้นพืชเสียหายได้ ซึ่งไม้ที่ใช้ต้องมีขนาดพอเหมาะ แข็งแรง สามารถเป็นเสาค้ำต้านแรงลมได้
“สายพันธุ์แตงร้านที่เราเลือกปลูกก็มีเป็นส่วนสำคัญกับรายได้และผลผลิตของเรา อย่างสายพันธุ์แตงร้านที่มีอายุสั้น จะให้ผลผลิตที่ดก แต่ข้อเสียคือจะมีลูกที่มีลักษณะเป็นบิดงอปะปนเยอะ แต่ถ้าสายพันธุ์แตงร้านที่มีอายุยาว จะให้ผลผลิตน้อย แต่ลูกสวย ไม่มีลูกที่มีลักษณะเป็นบิดงอเยอะ” คุณพิไลรัตน์ เล่า
ปัญหาหลักของการปลูกแตงที่ต้องระวังคือ “โรคใบด่างลายของแตง” ที่เกิดจากเชื้อไวรัส จะทำให้ชะงักการเจริญเติบโต “ราน้ำค้าง” มักสังเกตอาการเริ่มแรกจะอยู่ที่ใบด้านล่างของต้นบนใบจะมีแผลฉ่ำน้ำ แผลจะขยายลุกลาม หากอาการรุนแรงอาจทำให้ใบเหลืองและแห้งตายทั้งต้น และแมลงศัตรูพืช โดยเฉพาะ “แมลงหวี่ขาว” ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะดูดกินน้ำเลี้ยงที่ใบ ในทุกๆ ระยะของแตงร้าน ทำให้ใบหงิก ซีดด่าง หรือหงิกเหลือง ชะงักการเจริญเติบโต มีผลต่อการออกดอกติดผล ถ้าเจอต้องรีบแก้ปัญหาโดยเร็ว
การปลูกแตง 1 ครั้ง จะเก็บเกี่ยวผลผลิตอยู่ที่ 20 วันขึ้นไป เก็บแตงร้าน 2 วัน ถึงจะนำไปส่งขายยังตลาดในจังหวัดอุดรธานี โดยการส่งลงแผงหรือนั่งขายเอง ทั้งนี้ การไปขายตามตลาดต้องเป็นคนรู้จักสังเกต อัธยาศัยดี มีไหวพริบ ถึงจะอยู่รอด ไม่ถูกกดขี่เรื่องราคา ซึ่งในการแพ็กแตงร้าน ต้องใช้ความชำนาญ พิถีพิถันอย่างมาก โดยจ้างคนช่วยแพ็ก ในราคาถุงละ 4 บาท เรียงในถุง 10 กิโลกรัม อย่างสม่ำเสมอ หากแพ็กแตงไม่สวย ถุงบิดเบี้ยว เมื่อนำไปขายในตลาดก็จะถูกตำหนิ จนต้องขายในราคาต่ำกว่าตามท้องตลาดที่ตั้งไว้ แต่ถ้าแตงเราสวยแพ็กดีเราก็ตึงราคาไว้ได้สบายเลย
คุณพิไลรัตน์ ยังเล่าต่ออีกว่า การปลูกแตงร้านจะปลูกในช่วงฤดูฝนหรือฤดูแล้งก็ได้ ไม่นิยมปลูกในช่วงหน้าหนาว เพราะดูแลรักษายาก ในสวนเราจะปลูกแตงร้านทั้งหมด 3 ไร่ พอดูแลรักษาทั่วถึง หลังว่างเว้นจากงานหลักค่อยได้ปลูก ในช่วงที่แตงร้านราคาดี สภาพอากาศเอื้ออำนวย แตงออกลูกดกสวย เป็นไปตามที่ตลาดต้องการ เคยเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ถึง 30 ตัน เป็นจำนวนเงิน 300,000 บาท ซึ่งเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก ซึ่งเรตราคาแตงในตลาดถ้าอยู่ที่ถุงละ 100 บาทต่อถุง (ถุง 10 กิโลกรัม) ขึ้นไป ถือว่าเป็นราคาที่ดีเลยทีเดียว ถ้าอยู่ระดับ 80-90 บาท ก็พออยู่ได้ แต่ถ้าราคาต่ำกว่านี้ก็อยู่ลำบาก สำหรับเกษตรกรผู้ทำสวนแตง
“แตงร้าน” ถือได้ว่าเป็นพืชเศรษฐกิจที่น่าสนใจ ตลาดต้องการ ใช้ระยะเวลาสั้นได้เก็บเกี่ยวผลผลิต ใน 1 ปี ปลูกได้ถึง 4-5 ครั้งกันเลยทีเดียว ราคาดี ถ้าช่วงราคาตกต่ำก็ถือว่าพออยู่ได้ไม่ขาดทุน อยู่ที่การวางแผนช่วงเวลาการปลูกของเราให้เหมาะสม คุณพิไลรัตน์ บอกทิ้งท้าย
ไม่ว่าจะเป็นการปลูกแตงร้าน หรือพืชชนิดใดก็ตาม การจะประสบผลสำเร็จตามจุดมุ่งหมายได้นั่นเกษตรกรจะต้องอาศัยความเข้าใจ หมั่นศึกษา สังเกต เพื่อให้รู้อย่างลึกซึ้ง ครั้งแรกอาจไม่สำเร็จแต่ครั้งต่อไปเชื่อเหลือเกินว่าต้องดีกว่าเดิมตามช่วงจังหวะ
ท่านใดสนใจเทคนิคการปลูกแตงร้านให้ได้ผลผลิตตรงตามที่ตลาดต้องการ สอบถามได้ที่ คุณพิไลรัตน์ กาวน โทรศัพท์ 088-315-4223
ที่มา: https://www.technologychaoban.com