ผ้าฝ้ายเมืองเลย สู่ สินค้า GI ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา
16 ก.ค. 2568
80
0
ผ้าฝ้ายเมืองเลย สู่ สินค้า GI ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา
ผ้าฝ้ายเมืองเลย สู่ สินค้า GI ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา

"ผ้าฝ้ายเมืองเลย" สู่ สินค้า GI ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา

ผ้าฝ้ายเมืองเลย หรือ Mueang Loei Cotton หรือ Pha Fai Mueang Loei หมายถึง ผ้าผืน ผ้าคลุมไหล่ และผ้าพันคอ ทอด้วยมือจากเส้นใยฝ้ายธรรมชาติ 100% ทั้งเส้นพุ่งและเส้นยืนตามภูมิปัญญาท้องถิ่น ทั้งแบบที่มีลวดลาย หรือไม่มีลวดลาย ผืนผ้ามีโทนสีตามธรรมชาติของเส้นฝ้าย หรือโทนสีต่างๆ ที่ได้จากการย้อมด้วยสีจากวัสดุธรรมชาติ เนื้อผ้าเมื่อสัมผัสจะไม่เรียบเสมอกันทั่วทั้งผืน เมื่อใช้ไประยะหนึ่งเนื้อผ้าจะนุ่มฟู มีการผลิตครอบคลุมพื้นที่ในจังหวัดเลย 

เส้นใยฝ้าย
ผลิตจากฝ้ายธรรมชาติ 100% สายพันธุ์พื้นเมือง เช่น ฝ้ายตุ่ยใหญ่ ฝ้ายตุ่ยน้อย ฝ้ายขาวใหญ่ ฝ้ายขาวน้อย ฝ้ายจัน ฝ้ายเขียว เป็นต้น ซึ่งปลูก เก็บเกี่ยว และผลิตเส้นใยฝ้ายในพื้นที่จังหวัดเลย

คุณภาพของผ้าฝ้ายเมืองเลย
ในการแข่งขันประกวดลายผ้าฝ้ายทอมือในระดับประเทศได้รับรางวัลเหรียญทองจากการประกวดผ้าลายพระราชทาน “ผ้าลายขิดนารีรัตนราชกัญญา” ซึ่งเป็นรางวัลชมเชยระดับประเทศเป็นผ้าฝ้ายเพียงผืนเดียวในหมู่บรรดาผ้าไหมที่ได้เข้ารอบและยังได้รับรางวัลในการประกวดผ้าลายพระราชทาน “ผ้าลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา” นอกจากนี้ชื่อเสียงของฝ้ายเมืองเลยได้มีการนำเสนอผ่านบทเพลงโดยศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ โดยเนื้อหาของเพลงเกี่ยวเนื่องกับงานดอกฝ้ายเมืองเลยในเพลง "รักสลายดอกฝ้ายบาน" ศิลปิน จินตหรา พูนลาภ ในปี พ.ศ. 2541 และเพลง "ดอกฝ้ายบานที่เมืองเลย" ศิลปิน มนต์สิทธิ์ คำสร้อย ในปี พ.ศ. 2547 จึงทำให้ผ้าฝ้ายเมืองเลยเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางและได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน

การดำเนินงานในพื้นที่
ในปี 2565-2568 สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 3 จังหวัดขอนแก่น ร่วมกับศูนย์เครือข่ายทั้ง 8 ศูนย์ อาทิ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเลย ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรกาฬสินธุ์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรหนองคาย ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรอุดรธานี ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรมุกดาหาร ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสกลนคร ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครพนม และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรชัยภูมิ ร่วมจัดทำโครงการเทคโนโลยีการผลิตฝ้ายและคราม เสริมสร้างอัตลักษณ์ผ้าทอมืออีสาน สร้างสรรค์เศรษฐกิจชุมชน มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเทคโนโลยีการผลิตฝ้ายและคราม ไปถ่ายทอดให้เกิดการใช้ประโยชน์ในชุมชน เพื่อเป็นสินค้าอัตลักษณ์ที่สร้างรายได้ที่ดีให้กับชุมชน และเชื่อมโยงเครือข่ายเกษตรกรในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนทั้ง 11 จังหวัด โดยนำผลงานวิจัยของกรมวิชาการเกษตร อาทิ เทคโนโลยีการผลิตฝ้าย พันธุ์ฝ้ายของกรมวิชาการเกษตร เทคโนโลยีเกี่ยวกับชีวภัณฑ์เพื่อป้องกันกำจัดศัตรูพืชโดยไม่ใช้สารเคมี และเทคโนโลยีการผลิตคราม ไปแนะนำให้เกษตรกรในพื้นที่ใช้ เพื่อให้การผลิตฝ้ายและครามของเกษตรกรเป็นการผลิตที่ปลอดภัยต่อผู้ผลิตและสิ่งแวดล้อม เป็นการผลิตแบบรักษ์ธรรมชาติ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ธรรมชาติคุณภาพดีสู่ผู้บริโภค และยังเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ผลิตฝ้ายในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน อีกด้วย

ตกลง