"ผ้าฝ้ายเมืองเลย" สู่ สินค้า GI ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา
ผ้าฝ้ายเมืองเลย หรือ Mueang Loei Cotton หรือ Pha Fai Mueang Loei หมายถึง ผ้าผืน ผ้าคลุมไหล่ และผ้าพันคอ ทอด้วยมือจากเส้นใยฝ้ายธรรมชาติ 100% ทั้งเส้นพุ่งและเส้นยืนตามภูมิปัญญาท้องถิ่น ทั้งแบบที่มีลวดลาย หรือไม่มีลวดลาย ผืนผ้ามีโทนสีตามธรรมชาติของเส้นฝ้าย หรือโทนสีต่างๆ ที่ได้จากการย้อมด้วยสีจากวัสดุธรรมชาติ เนื้อผ้าเมื่อสัมผัสจะไม่เรียบเสมอกันทั่วทั้งผืน เมื่อใช้ไประยะหนึ่งเนื้อผ้าจะนุ่มฟู มีการผลิตครอบคลุมพื้นที่ในจังหวัดเลย
เส้นใยฝ้าย
ผลิตจากฝ้ายธรรมชาติ 100% สายพันธุ์พื้นเมือง เช่น ฝ้ายตุ่ยใหญ่ ฝ้ายตุ่ยน้อย ฝ้ายขาวใหญ่ ฝ้ายขาวน้อย ฝ้ายจัน ฝ้ายเขียว เป็นต้น ซึ่งปลูก เก็บเกี่ยว และผลิตเส้นใยฝ้ายในพื้นที่จังหวัดเลย
คุณภาพของผ้าฝ้ายเมืองเลย
ในการแข่งขันประกวดลายผ้าฝ้ายทอมือในระดับประเทศได้รับรางวัลเหรียญทองจากการประกวดผ้าลายพระราชทาน “ผ้าลายขิดนารีรัตนราชกัญญา” ซึ่งเป็นรางวัลชมเชยระดับประเทศเป็นผ้าฝ้ายเพียงผืนเดียวในหมู่บรรดาผ้าไหมที่ได้เข้ารอบและยังได้รับรางวัลในการประกวดผ้าลายพระราชทาน “ผ้าลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา” นอกจากนี้ชื่อเสียงของฝ้ายเมืองเลยได้มีการนำเสนอผ่านบทเพลงโดยศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ โดยเนื้อหาของเพลงเกี่ยวเนื่องกับงานดอกฝ้ายเมืองเลยในเพลง "รักสลายดอกฝ้ายบาน" ศิลปิน จินตหรา พูนลาภ ในปี พ.ศ. 2541 และเพลง "ดอกฝ้ายบานที่เมืองเลย" ศิลปิน มนต์สิทธิ์ คำสร้อย ในปี พ.ศ. 2547 จึงทำให้ผ้าฝ้ายเมืองเลยเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางและได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน
การดำเนินงานในพื้นที่
ในปี 2565-2568 สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 3 จังหวัดขอนแก่น ร่วมกับศูนย์เครือข่ายทั้ง 8 ศูนย์ อาทิ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเลย ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรกาฬสินธุ์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรหนองคาย ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรอุดรธานี ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรมุกดาหาร ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสกลนคร ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครพนม และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรชัยภูมิ ร่วมจัดทำโครงการเทคโนโลยีการผลิตฝ้ายและคราม เสริมสร้างอัตลักษณ์ผ้าทอมืออีสาน สร้างสรรค์เศรษฐกิจชุมชน มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเทคโนโลยีการผลิตฝ้ายและคราม ไปถ่ายทอดให้เกิดการใช้ประโยชน์ในชุมชน เพื่อเป็นสินค้าอัตลักษณ์ที่สร้างรายได้ที่ดีให้กับชุมชน และเชื่อมโยงเครือข่ายเกษตรกรในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนทั้ง 11 จังหวัด โดยนำผลงานวิจัยของกรมวิชาการเกษตร อาทิ เทคโนโลยีการผลิตฝ้าย พันธุ์ฝ้ายของกรมวิชาการเกษตร เทคโนโลยีเกี่ยวกับชีวภัณฑ์เพื่อป้องกันกำจัดศัตรูพืชโดยไม่ใช้สารเคมี และเทคโนโลยีการผลิตคราม ไปแนะนำให้เกษตรกรในพื้นที่ใช้ เพื่อให้การผลิตฝ้ายและครามของเกษตรกรเป็นการผลิตที่ปลอดภัยต่อผู้ผลิตและสิ่งแวดล้อม เป็นการผลิตแบบรักษ์ธรรมชาติ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ธรรมชาติคุณภาพดีสู่ผู้บริโภค และยังเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ผลิตฝ้ายในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน อีกด้วย