ระวัง โรคราน้ำค้าง ในแตงโม
29 ก.ค. 2568
143
0
ระวัง โรคราน้ำค้าง ในแตงโม
ระวัง โรคราน้ำค้าง ในแตงโม

ระวัง โรคราน้ำค้าง ในแตงโม
สภาพอากาศในช่วงนี้อากาศชื้น มีฝนตกชุกตลอด เตือนผู้ปลูกแตงโม ในระยะออกดอก รับมือโรคราน้ำค้าง ด้านบนของใบปรากฏแผลเหลี่ยมเล็กๆ สีเหลือง ต่อมาเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือเทาดำ ในตอนเช้าถ้าสภาพอากาศมีความชื้นสูง ตรงแผลบริเวณใต้ใบจะพบเส้นใยของเชื้อรา ลักษณะเป็นขุยสีเทาดำ ถ้าสภาพแวดล้อมเหมาะสม โรคจะระบาดอย่างรวดเร็ว ทำให้ใบเหลืองและแห้งตายทั้งต้น แตงโมที่เป็นโรคจะติดผลน้อย ผลมีขนาดเล็ก และความหวานลดลง
แนวทางป้องกัน/แก้ไข
๑. กำจัดด้วงเต่าแตง ซึ่งอาจเป็นตัวแพร่เชื้อราสาเหตุโรค
๒. เมื่อเริ่มพบโรค ควรพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช เช่น แมนโคเซบ + เมทาแลกซิล-เอ็ม ๖๔% + ๔% ดับเบิ้ลยูจี อัตรา ๕๐ กรัมต่อน้ำ ๒๐ ลิตร หรือ ไซมอกซานิล + ฟามอกซาโดน ๓๐% + ๒๒.๕% ดับเบิ้ลยูจี อัตรา ๑๐-๑๕ กรัมต่อน้ำ ๒๐ ลิตร หรือ ไดเมโทมอร์ฟ ๕๐% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา ๑๐-๒๐ กรัมต่อน้ำ ๒๐ ลิตร หรือ แมนโคเซบ ๘๐% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา ๒๐-๓๐ กรัมต่อน้ำ ๒๐ ลิตร พ่นทุก ๗ วัน โดยพ่นสารชนิดใดชนิดหนึ่งสลับกันเพื่อป้องกันเชื้อต้านทานสารเคมี
๓. แปลงที่พบการระบาดของโรค หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว ให้เก็บซากพืชไปเผาทำลายนอกแปลงปลูก และไม่ปลูกพืชตระกูลแตงซ้ำ ควรปลูกพืชชนิดอื่นหมุนเวียน
๔. ปลูกครั้งต่อไปควรใช้เมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพดีและปราศจากโรค
๕. แช่เมล็ดพันธุ์ในน้ำอุ่น ๕๐ องศาเซลเซียส นาน ๒๐-๓๐ นาที หรือคลุกเมล็ดก่อนปลูกด้วยสารเมทาแลกซิล ๓๕% ดีเอส อัตรา ๗ กรัมต่อเมล็ดพันธุ์ ๑ กิโลกรัม
๖. ไม่ปลูกแตงโมแน่นเกินไป เพราะจะทำให้มีความชื้นสูง

ตกลง