นายมิทรี คราสนอฟ หัวหน้าศูนย์ Agroexport รายงานเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 รายงานโอกาสเชิงบวกในการส่งออกของรัสเซียไปยังซาอุดีอาระเบีย ในช่วงตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม 2567 ซึ่งเพิ่มขึ้น 13% มีมูลค่าเกินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ เช่น ปริมาณข้าวบาร์เลย์เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่า สำหรับเนื้อสัตว์ปีกเพิ่มขึ้น 63% เนื้อวัวเพิ่มขึ้น 65%
นายคราสนอฟ เผยอีกว่านี่เป็นผลลัพท์ส่วนหนึ่งของการประชุมธุรกิจของผู้ส่งออกรัสเซียไปยังซาอุดีอาระเบีย และคาดว่าศักยภาพในการส่งออกภายในปี 2573 จะอยู่ที่ 1.4 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากอุปทานที่เพิ่มขึ้นจากซาอุดีอาระเบีย โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าธัญพืชและพืชตระกูลถั่ว เนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์ไขมันและน้ำมัน ซึ่งเติบโตมากขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม 2566-มิถุนายน 2567 มีปริมาณเกือบ 4 ล้านตัน มูลค่ามากกว่า 800 ล้านดอลลาร์ โดยสัดส่วนมูลค่ามากที่สุดคือ ข้าวสาลี (52.1%) และข้าวบาร์เลย์ (46.8%)
ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียเป็นตลาดสำคัญสำหรับผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ของรัสเซีย โดยในช่วงห้าปีที่ผ่านมาการส่งออกเนื้อสัตว์ของรัสเซียไปยังราชอาณาจักร เพิ่มขึ้นเกือบสี่เท่าและสูงถึง 5 หมื่นตันในปี 2566 สินค้าหลักคือ เนื้อไก่ 73.2% และเนื้อวัว 26.5% ซึ่งรัสเซียมุ่งขยายตลาดไปสู่สินค้าเนื้อแกะต่อไป
ปัจจุบัน สินค้าที่รัสเซียส่งออกไปซาอุดีอาระเบีย เช่น ผลิตภัณฑ์ขนมหวาน เครื่องดื่มน้ำอัดลมและที่ผสมน้ำตาล และผลิตภัณฑ์นม (นมผลและเวย์ผง) ซึ่งเพิ่งเปิดตลาดเมื่อปีที่ผ่านมา ในขณะที่รัสเซียนำเข้าสินค้า เช่น กุ้ง อินทผาลัม จากซาอุดีอาระเบีย
จากข้อมูลของ Agroexport ในช่วงปี 2019 ถึง 2023 มูลค่าการค้าสินค้าเกษตรระหว่างทั้งสองประเทศเพิ่มขึ้นสามเท่า มูลค่าเกิน 1 พันล้านดอลลาร์ มีอัตราการเติบโตการส่งออกของรัสเซียเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 30%
ที่มา: emeat.ru