นายวุฒิพงศ์ เนียมหอม ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการของผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 รอบที่ 2 เขตตรวจราชการที่ 1 ณ จังหวัดสิงห์บุรี
วันที่ 18 กรกฎาคม 2567
เวลา 13.10 น. นายวุฒิพงศ์ เนียมหอม ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ระดับพื้นที่ ได้เข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี (นายสุเมธ ธีรนิติ) เพื่อหารือข้อราชการและผู้ว่าราชการได้ให้ข้อเสนอแนะในการตรวจราชการโดยเฉพาะสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตรของจังหวัด อาทิ การแก้ไขปัญหาของปลาหมอคางดำที่แพร่พันธุ์อย่างรวดเร็ว เป็นต้น ต่อมาเวลา 13.30 น. นายวุฒิพงศ์ เนียมหอม เป็นประธานการประชุมการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการของผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 รอบที่ 2 เขตตรวจราชการที่ 1 จังหวัดสิงห์บุรี ร่วมกับผู้ตรวจราชกรม ผู้ช่วยผู้ตรวจราชการกระทรวง (ส่วนกลาง) ที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการภาคประชาชนด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ระดับพื้นที่ ณ ห้องประชุมขุนสรรค์พันเรือง ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดสิงห์บุรี โดยเกษตรและสหกรณ์จังหวัดสิงห์บุรี (นางอมราพร ชีพสมุทร์) ได้รายงานภาพรวมผลการดำเนินงานตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 11 นโยบาย งบประมาณรวมทั้งสิ้น จำนวน 1,048,145 บาท และผู้ตรวจราชการกระทรวง ได้ให้ข้อเสนอแนะ สรุปสาระสำคัญ ได้ดังนี้
1. ผลการดำเนินงานตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ วันที่ 17 กรกฎาคม 2567 สามารถขับเคลื่อนได้เป็นไปตามแผนงาน คิดเป็นร้อยละ 93.96 ผลการเบิกจ่ายงบประมาณเป็นไปตามกรอบเวลา คิดเป็นร้อยละ 69.45 เนื่องจากได้รับงบประมาณช่วงไตรมาส 3
2. นโยบายเพิ่มรายได้ 3 เท่า ใน 4 ปี เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่ทุกส่วนราชการต้องให้ความสำคัญร่วมกัน โดยเน้น “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อน ควรประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ พาณิชย์จังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด นอกจากนี้ โครงการที่ดำเนินการควรแสดงให้เห็นว่าได้นำเครื่องมือหรือนวัตกรรมสมัยใหม่มาสนับสนุนการดำเนินงานในขั้นตอนใด เพื่อสามารถเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรสูงขั้น นำไปสู่โมเดลใหม่ทางการเกษตรได้
3. ให้เน้นการบูรณาการการทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะโครงการในลักษณะเดียวกัน เช่น แปลงใหญ่ควรร่วมทำในพื้นที่/กลุ่ม เดียวกัน เพื่อให้เกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม และรวดเร็ว รวมถึงควรจัดทำแผนภาพรวมระดับจังหวัด เพื่อขับเคลื่อนโครงการอย่างเป็นระบบ
4. สำรวจข้อมูลเครื่องจักรกลทางการเกษตร เพื่อจัดทำเป็นบัญชีเครื่องจักรกลฯ พร้อมทั้งซ่อมบำรุงให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เพื่อสามารถรองรับภัยพิบัติด้านการเกษตรที่อาจเกิดขึ้นได้
5. ติดตาม และเฝ้าระวังการเกิดอุทกภัย หรือภัยพิบัติด้านการเกษตรอื่น ๆ อย่างใกล้ชิด เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูมรสุม หากเกิดเหตุภัยพิบัติในพื้นที่ ขอให้รายงานให้ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทราบโดยเร็ว