ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ติดตามผลการดำเนินงานตามแผนการตรวจราชการของผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รอบที่ 2 จังหวัดยะลา
วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม 2567
เวลา 08.00 น. ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายกฤษ อุตตมะเวทิน และคณะ ในโอกาสเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา นายอำพล พงศ์สุวรรณ เพื่อหารือการตรวจติดตามผลการดำเนินงาน และให้แนวทางการพัฒนาด้านการเกษตรในพื้นที่ของจังหวัดยะลา โดยมีจ่าเอกเฉลิมพล ญาณวิสุทธิสกุล เกษตรและสหกรณ์จังหวัดยะลา หัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ ณ ห้องรับรองศาลากลางจังหวัดยะลา
ต่อมาเวลา 09.00 น. ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายกฤษ อุตตมะเวทิน และคณะเข้าร่วมงานคลินิกเกษตรเคลื่อนที่จังหวัดยะลา ณ โรงเรียนนิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ 1 ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา เพื่อให้บริการคลินิกบัญชีเคลื่อนที่ ไปในพื้นที่ที่มีปัญหา ให้บริการปรึกษาแนะนำแก่เกษตรกรเพื่อให้เกษตรกรสามารถจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายในครัวเรือน และการประกอบอาชีพได้ เสริมสร้างความรู้ให้เกษตรกรรู้จักนำข้อมูลทางบัญชีไปใช้วางแผนในการประกอบอาชีพ เพื่อให้มีความยั่งยืนทางการเงินในอนาคต และต่อมาได้ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนให้ขวัญ กำลังใจ แก่เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลา ณ นิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้
ต่อมาเวลา 13.00 น. เป็นประธานการประชุมติดตามผลการดำเนินงานตามแผนการตรวจราชการของผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รอบที่ 2 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 และประชุมศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร จังหวัดยะลา โดยมีจ่าเอกเฉลิมพล ญาณวิสุทธิสกุล เกษตรและสหกรณ์จังหวัดยะลา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระดับเขต และระดับจังหวัดเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ณ ห้องประชุมการยางแห่งประเทศไทย สาขาบันนังสตา จ.ยะลา โดยผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวัง ติดตามภัยพิบัติด้านการเกษตรอย่างใกล้ชิด หากเกิดภัยขอให้ช่วยเหลือเกษตรกรเบื้องต้นทันทีและแจ้งให้ผู้ตรวจราชการทราบ เพื่อดำเนินการแก้ไขต่อไป และได้ให้ข้อเสนอแนะในการดำเนินงานพัฒนาเกษตรกรให้เข้าสู่การเป็นผู้ประกอบการธุรกิจขั้นต้น โดยใช้วัตถุดิบที่มีอยู่พัฒนาให้เป็นสินค้าเกษตรมูลค่าสูง ซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่าใน 4 ปี ตามนโยบายของรัฐบาล เช่น การตั้งโรงงานขั้นต้นแปรรูปสินค้าเกษตร เพิ่มมูลค่าและนำเกษตรกรรุ่นใหม่เข้ามาร่วมดำเนินกิจการ เพื่อป้องกันการขาดแคลนผู้ผลิตสินค้าเกษตรในอนาคต รายได้เกษตรกรจะเพิ่มขึ้น 3 เท่าใน 4 ปี ได้นั้น จะต้องเกิดจากการบูรณาการทำงานร่วมกัน ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน่วยงานในพื้นที่ กระทรวงพานิชย์ และกระทรวงการคลัง ร่วมกันพัฒนาเกษตรกรสู่การเป็นผู้ประกอบการขั้นต้น องค์กรธุรกิจ