เทคนิคการปลูกมะม่วงแทรกฝรั่ง 3 ไร่ สร้างรายได้ 5 แสนบาทต่อปี ในพื้นที่ดินปนทราย
20 ม.ค. 2566
380
0

เทคนิคการปลูกมะม่วงแทรกฝรั่ง 3 ไร่ สร้างรายได้ 5 แสนบาทต่อปี ในพื้นที่ดินปนทราย
“เซียนมะม่วง เซียนฝรั่ง และหมอดิน” หลากหลายความรู้สึกที่ให้กับผู้ชายคนนี้ อาจารย์ตุ๊ หรือ อาจารย์สุรศักดิ์ สุรินธรรม หนุ่มปริญญาโท อดีตพนักงานแบงก์ แห่งสวนเกษตรเพชรแพรวา ผู้ใช้เนื้อที่อย่างคุ้มค่าในการปลูกมะม่วงเป็นหลัก แทรกด้วยฝรั่งในอัตราเท่าๆ กัน ภายในเนื้อที่ 3 ไร่ สร้างรายได้เฉพาะขายผลผลิต ได้เงิน 500,000 บาทต่อปี ที่สวนอาจารย์มีคนแวะเวียนมาไม่ขาดสาย ต้อนรับคณะดูงานก็มากมายหลายกลุ่มจนได้เป็นเกษตรนำร่องที่มียอดวิวอันดับ 1 ในโซเชียลต่างๆ ด้วยการคิดนอกกรอบของอาจารย์จนประสบความสำเร็จ และได้ถ่ายทอดวิชาโดยไม่หวงวิชา และมีแนวคิดทำการเกษตรโดยไม่ต้องสร้างหนี้ เพียงแต่บริหารเวลาและการปลูกพืชหมุนเวียนอย่างถูกวิธี

“ครับ ผมไม่เคยคิดว่าดินปนทรายจะปลูกไม้ผลไม่ได้ ถ้ามาที่สวนจะได้เห็นว่าความเป็นไปได้นั้นจริง มีหลักการ ผมมีต้นพันธุ์มะม่วงกับฝรั่งกิมจู 520 ต้น มะม่วง 520 ต้น ในเนื้อที่ดินแห้งแล้งดินปนทราย 3 ไร่ การปลูกพื้นที่แล้งให้ได้ผลดีนั้นอันดับแรกต้องคิดคือเรื่องของดิน การปรับปรุงดินถือว่าเป็นพื้นฐานของการปลูกพืช การเตรียมดินนั้นถือเป็นเสมือนฐานรากก็ว่าได้ และการขุดหลุมปลูกต้องไม่ลึกเกินไป เพราะพืชจะหากินบนผิวดินได้ โดยเฉพาะรากฝอยรากแขนง การปลูกของผมนอกจากจะไม่ขุดหลุมลึกแล้ว (ขุดลึกประมาณ 1 คืบ หรือเท่ากับความยาวของถุงเพาะ ไม่ต้องรองพื้นก้นหลุม) โรยด้วยโดโลไมท์ คลุมผิวดินด้วยฟางข้าว โรยด้วยปุ๋ยคอกคือขี้วัว ขี้ควายเท่านั้น ไม่ใช้ขี้ไก่ ขี้หมู

ต้นไม้ผลที่สวนผมมีต้นมะม่วงกับฝรั่ง กิ่งพันธุ์ของผมจะเป็นกิ่งตอน เพราะว่าผมเน้นรากฝอยและรากแขนงในการหาอาหาร และตัดแต่งกิ่งไม่ให้ต้นสูงเกินไป การค้ำยันไม่ต้องกลัวเรื่องต้นล้ม ไม้ผลสองอย่างนี้ที่สวนจะทำการเด็ดยอดโดยเฉพาะกิ่งไหนที่ตั้งฉากเราจะตัดทิ้ง การที่ปลูกตื้นนั้นทำให้รากฝอยและรากแขนงหาอาหารได้ง่ายเพราะพื้นที่บริเวณผิวดินจะโปร่ง โดยเฉพาะดินที่แห้งแล้งเป็นดินปนทรายถ้ารดน้ำมากดินยิ่งแน่น จะทำให้รากหยั่งลึกลงไปได้ยาก”

ทฤษฎีการสร้างดินใหม่  จำเป็นมาก โดยเฉพาะดินแถบอีสานที่เป็นดินปนทราย ถ้ารดน้ำมากดินยิ่งแน่น สร้างดินใหม่ โดยใช้ขี้วัว ขี้ควาย โดโลไมท์ เป็นแร่ธาตุในการปรับสมดุลของดินแก้ปัญหาเรื่องความเป็นกรดเป็นด่าง และยังป้องกันเชื้อราและแบคทีเรียที่อยู่ในดินได้อีกด้วย นี่คือพื้นฐานของการสร้างดินใหม่ และใช้ปุ๋ยสูตรต่างๆ เช่น สูตรเสมอ 16-16-16 หรือสูตร 24-24-24

ปลูกอย่างไรที่ใช้เวลา 5 เดือน ออกดอกออกผล

นอกจากเรื่องของการสร้างดินใหม่แล้ว เรื่องการให้ปุ๋ย ก็มาเรื่องของการให้น้ำ การให้น้ำก็เป็นเรื่องสำคัญ ให้มากก็รากเน่าได้ ให้น้อยก็ไม่พอเพียง ถ้าเริ่มปลูกใหม่ให้น้ำได้วันเว้นวัน แต่ถ้าพืชแตกใบอ่อนแล้วถือว่ารากได้ขยายแล้ว ก็ 3 วันครั้งก็ได้ และการให้ปุ๋ยทางใบไปด้วยโดยเฉพาะพืชเริ่มแตกใบอ่อน นั่นหมายถึงพืชจะแตกตาดอกตามมา พืชก็จะเริ่มให้ดอกให้ผลรุ่นแรกแล้ว ภายในเดือนที่ 5 ก็เห็นผลแล้ว

เกษตรทฤษฎีใหม่ ต้นเตี้ย ดก ไม่เน้นความสูง

ปลูกมะม่วงและฝรั่ง 5 เดือนก็ออกผล อยู่ที่การตัดแต่งกิ่งและการให้น้ำ ให้ปุ๋ย ไม่ใช่ว่ารดน้ำบ่อยแล้วจะดีนะ เพราะไม้ผลบางอย่างก็ไม่ต้องการน้ำมาก ระยะปลูกไม้ผลให้ได้ผลดีต้องตอนหมดฝน ที่สวนปลูกระยะที่ออกผลเริ่มแก่ก่อนเก็บ 40 วัน เริ่มให้น้ำมากได้ไป 20 วัน แต่ 20 วันสุดท้ายงดให้น้ำ หรือรดพอชุ่มชื้น หรือ 5 วันครั้งก็พอ เพื่อรสชาติที่ดี แต่ถ้าอยู่ในระยะเริ่มปลูกรดน้ำวันเว้นวัน ต้องคอยเด็ดยอดที่เป็นกิ่งที่ตั้งฉากขึ้นไป เพื่อหยุดการเจริญเติบโต การโน้มกิ่งเพื่อให้ขนานไปกับพื้นจะทำให้ดกแตกดอกมาก

ปลูกฝรั่งเลี้ยงมะม่วง ทั้งสองอย่าง 3 ไร่ รายได้ 5 แสนบาทต่อปี

ใช้พื้นที่ 3 ไร่ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ที่สวนปลูกมะม่วงเป็นหลัก ฝรั่งพันธุ์กิมจูเป็นไม้ผลรอง ช่วงที่รอมะม่วงก็จะมีฝรั่งออกมาเป็นพืชหมุนเวียนสร้างรายได้ นอกจากการใช้เกษตรทฤษฎีใหม่แล้วการบริหารเรื่องการเก็บเกี่ยวก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะมีให้เก็บได้ยาวถึง 5 เดือน จากต้นฝรั่งกิมจู 3 ไร่ 520 ต้น ไม่ต้องการให้ผลไม้สุกพร้อมกันทีเดียว ต้องการให้ออกมาเพียงพอกับตลาด ไม่ล้นตลาด จะทำให้ได้ราคาดีก็จะแบ่งการตัดแต่งกิ่ง เพราะการตัดแต่งกิ่งแต่ละครั้งฝรั่งจะแตกยอดและแตกดอกใช้เวลา 20-30 วัน โดยการแบ่งการตัดแต่งกิ่งครั้งละครึ่ง คือ 260 ต้น อีก 260 ต้นที่เหลือก็จะทยอยเก็บรุ่นแรก ใช้เวลาเก็บประมาณ 2 เดือน หรือ 2 เดือนกว่าๆ ส่วนรุ่นต่อไปที่ตัดแต่งกิ่งไว้ก็จะออกทันกันพอดี ก็เก็บได้ไปอีก 2 เดือนกว่า ทำให้มีฝรั่งให้เก็บได้ หมดฤดูเก็บฝรั่งก็เก็บมะม่วง ส่วนมะม่วงนั้นปลูกหลากหลายสายพันธุ์ เพราะที่ฟาร์มยังซื้อที่เพิ่มทำเป็นศูนย์อนุรักษ์และเรียนรู้พันธุ์มะม่วงที่มีทั้งหมดกว่า 78 สายพันธุ์อีกด้วย แต่ที่ปลูกทำเป็นการค้านั้นก็จะมีพันธุ์เพชรอุบล บิ๊กอุบล เขียวสามรส น้ำดอกไม้เบอร์ 4 (พันธุ์เปลือกสีเขียว ถ้าสุกกินอร่อยกว่าน้ำดอกไม้พันธุ์อื่น)

ราคาและการตลาดปัจจุบันนี้ ขายหน้าสวน กิโลกรัมละ 40 บาท 3 กิโล 100 บาท ส่วนตลาดบนก็ส่งตามห้าง ก็คัดเกรดเอ ราคาก็จะต่างออกไป ทั้งมะม่วงและฝรั่งรวมกันแล้วจะได้เป็นเงินปีละ 5 แสนบาท ไม่เกี่ยวกับการขายต้นพันธุ์นะครับ

เทคนิคการเก็บเกี่ยวให้ได้ผลไม้ที่อร่อยต้องมีความแก่จัด โดยสังเกตดูผิวของผลมีการขยายตัวสีจะอ่อนลง เรียกว่าระยะสร้างน้ำตาล เก็บได้เลยจะได้ผลไม้ที่ทั้งหวานทั้งกรอบ

ปลูกฝรั่งและมะม่วงต้นเตี้ยก็ดกเต็มต้น เกษตรแนวใหม่จะไม่เน้นความสูง จะเน้นความกว้างโดยเฉพาะกิ่งไหนที่ตั้งฉากขึ้นไปก็ตัดทิ้งไป เลือกกิ่งที่โน้มกิ่งได้เพื่อให้ตาดอกออกได้ดีสมบูรณ์ ใช้เชือกฟางยึดกับไม้เพื่อแผ่ให้กว้าง เพื่อให้ออกผลตามกิ่ง ไม่ใช่ออกปลายยอด ป้องกันการถ่วงน้ำหนักของผลและไม่ทำให้กิ่งหักได้ ถ้าปล่อยตามธรรมชาติ ผลไม้จะออกปลายกิ่ง ทำให้แบกน้ำหนักผล ทำให้กิ่งหักได้เช่นกัน

ต้นเตี้ย ก็เรื่องของการเก็บเกี่ยว ลดค่าจ้างแรงงาน การปลูกมะม่วงและฝรั่งออกดอกรุ่นแรกเลยไม่ต้องเด็ดทิ้ง เพราะกลัวว่าต้นจะแคระแกร็น เดี๋ยวนี้ไม่เป็นไรอยู่ที่การดูแลว่าต้นนี้แบกน้ำหนักได้กี่ผลก็จะเก็บไว้ตามที่ต้นนั้นๆ แบกน้ำหนักได้ นอกนั้นเราค่อยเด็ดทิ้งไป

คำว่าปุ๋ยเคมี ทำให้มีสารเคมีตกค้างจริงหรือไม่

“ผมไม่เห็นด้วยในฐานะผมเป็นนักวิจัยดินและเรียนมาทางด้านไม้ผล การใช้ปุ๋ยก็คืออาหารของพืช ปัจจุบันการทำปุ๋ยวิทยาศาสตร์ก็เพื่อให้พืชได้รับสารอาหารโดยตรงและทำให้พืชเจริญเติบโตได้ดี การดูดซึมของพืชจะดูดซึมของเหลวเข้าไปก็เป็นการกลั่นกรองมาแล้วจากระบบรากของพืช สารตกค้างจะมาจากสารเคมีที่กำจัดวัชพืชหนอนและแมลงมากกว่า แต่การปลูกฝรั่งกับมะม่วงนั้น การห่อผลเป็นการป้องกันการได้รับสารเคมีโดยตรงอยู่แล้ว ถือว่าปลอดภัยกว่าไม้ผลชนิดอื่น เช่น องุ่น พุทรา เป็นต้น ถ้าไม่กางมุ้งไม้ผลเหล่านี้ก็จะทำให้ได้รับสารเคมีโดยตรงทำให้อันตรายกว่า และอีกอย่าง การสัมผัสสารเคมีในทุกวันนี้ อย่างอื่นใกล้ตัวเรามากกว่า เช่น การใช้น้ำยาล้างจาน ถ้าล้างน้ำออกไม่หมดอาจจะทำให้มีสารตกค้างได้ง่ายกว่าและใกล้ตัวเราที่สุด”

ทำไมถึงเลือกที่จะปลูกฝรั่งกับมะม่วง

“เป็นการตอบโจทย์ที่ดีที่สุดในความคิดผมและผมคิดว่าเหมาะสำหรับลักษณะดินแบบนี้ และเหมาะกับทุกคน เป็นพืชที่ถือว่าดูแลง่ายที่สุด ผลไม้พื้นบ้าน ถ้าเป็นผลไม้อย่างอื่น ยกตัวอย่าง เช่น ทุเรียน อินทผลัม โกโก้ เป็นต้น พืชเหล่านี้อาจจะมีราคาดี แต่อาจจะเหมาะกับพื้นดินบางที่ ปลูกพืชราคาสูงในแถบดินแห้งแล้งปนทราย อาจจะได้ผลแต่ต้นทุนก็สูงไปด้วย แต่ถ้าเป็นผลไม้พื้นบ้าน เช่น ฝรั่งกับมะม่วงเป็นราคาที่ทุกคนจับต้องได้ เรื่องราคาก็เป็นปัจจัยที่สำคัญ ผลไม้ราคาถูกแต่มีปริมาณเยอะยอดขายเยอะ ก็น่าคิดได้ว่าขายได้ปริมาณมากย่อมต้องดีกว่า ขายง่ายกว่า”

เทคนิคปลูก 5 เดือนได้ผล ทำนอกฤดูได้

การปลูกเราได้พูดไว้แล้ว การให้ปุ๋ยก็เป็นเรื่องใหญ่ ราคาปุ๋ยเคมีเดี๋ยวนี้ก็มีราคากระโดดขึ้นเกือบเท่าตัว ผมอาศัยหลักใหญ่ก่อนว่าพืชต้องการธาตุหลักอยู่ 3 ธาตุ คือ เอ็น พี เค (ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม) การเติมเต็มให้พืชได้รับสารอาหารที่สมบูรณ์เป็นปัจจัยหลัก ลำต้นสมบูรณ์ก็ย่อมที่จะให้ผลที่สมบูรณ์และดกไปด้วย และใช้ปุ๋ยคอกอย่างถูกวิธี ต่อให้ดินแย่สักแค่ไหนถ้าอาหารพืชมีเพียงพอก็ย่อมได้ผลดี การให้ธาตุอาหารอย่างถูกวิธี เช่น ระยะเริ่มปลูกให้ดินเสริมที่ดีหรือดินดำเป็นดินปลูก โรยด้วยขี้วัว และโดโลไมท์เพื่อปรับสภาพดิน แค่นี้ก็เพียงพอ พอระบบรากเดินดีก็จะเสริมธาตุ หรือปุ๋ยสูตร 16-16-16 บวก 18-46-0 ผสมกันในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 เพื่อการประหยัดค่าใช้จ่ายปุ๋ย ธาตุอาหารนี้บำรุงดอกและใบ หรือจะใช้ 8-24-24 ก็ได้ พอพืชติดดอกแล้ว จะอยู่ในระยะ 25-30 วัน ก็จะทำการห่อได้เลย ห่อด้วยพลาสติกหรือถุงห่อพืชโดยเฉพาะก็ได้ โดยเฉพาะฝรั่งหรือมีขนาดเท่าเหรียญสิบบาท ก็เริ่มห่อ (ระยะติดผลอ่อนให้งดให้ปุ๋ย) เพราะถ้าให้ปุ๋ยจะทำให้พืชแตกใบอ่อนเพิ่มอีก จะทำให้ผลอ่อนนั้นสลัดขั้วหรือร่วงไป

ในระยะก่อนที่จะเก็บเกี่ยวประมาณ 40-45 วัน ก็ให้ปุ๋ยหวาน 16-16-16 บวก 0-0-60 ผสมในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 โดยให้ต้นที่มีอายุ 1 ปี ก็ 1 กำมือ 2 ปี ก็ 2 กำมือ โรยรอบๆ ต้น ระยะนี้ควรจะรดน้ำ 3 วันครั้ง

ต้องมีการโน้มกิ่ง เพื่อให้กิ่งที่ตั้งอยู่ในแนวเฉียงเพื่อการแตกดอกที่ดี ให้ดอกมากก็ให้ลูกมาก และยังเหมาะสำหรับการทำผลไม้นอกฤดูอีกด้วย ควรจะเริ่มมีการโน้มกิ่งต้นไม้ต้องมีอายุ 1 ปีขึ้นไป ควรจะโรยโดโลไมท์ถ้าฤดูฝน 3 เดือนครั้ง

หากท่านใดสนใจก็สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สวนเกษตรเพชรแพรวา โดย อาจารตุ๊ หรือ สุรศักดิ์ สุรินธรรม บ้านดอนยาว ตำบลบ้านตูม อำเภอนาจะหลวย จังหวัดอุบลราชธานี โทร. 098-378-9620

ตกลง