ปลูกมะนาวในโอ่ง
รสเปรี้ยวและกลิ่นหอมของน้ำมะนาวเมื่อนำไปปรุงรสอาหารคาว เช่น การทำส้มตำ น้ำพริก ต้มยำ ลาบ หรือน้ำตก ล้วนเป็นการเพิ่มรสชาติให้มีความอร่อยได้หลากหลายและยอดเยี่ยม นอกจากนี้ หากนำน้ำมะนาวไปผสมกับน้ำผึ้งหรือน้ำชาทำเป็นเครื่องดื่มเย็นๆ จะเพิ่มความอร่อยและช่วยให้ชุ่มคอ ชื่นใจ มะนาวจึงถูกเลือกให้อยู่คู่ครัวไทยมาอย่างยาวนาน
การปลูกมะนาว มีทั้งที่ปลูกเป็นแบบสวนเพื่อให้ได้ผลผลิตไปจำหน่ายในเชิงการค้าและปลูกเป็นแบบสวนหลังบ้านเพื่อเก็บผลไปบริโภคในครัวเรือน และในสภาวะข้าวยากหมากแพงเช่นในปัจจุบันนี้การปลูกมะนาวจึงเป็นทางเลือกหนึ่งของผู้สนใจที่จะปลูกเป็นงานอาชีพหรือเป็นงานอดิเรกในยามว่างก็ได้ วันนี้ผู้เขียนได้นำเรื่องราว ปลูกมะนาวในโอ่ง ทางเลือกใหม่ของผู้สนใจ มาบอกเล่าสู่กัน
คุณแอ๊ด หรือ คุณพิชิต จุ้ยสุขะ เล่าให้ฟังว่า ได้เริ่มทำการเกษตรผสมผสานในราวปี 2530 โดยยึดแนวทางปฏิบัติแบบเศรษฐกิจพอเพียง คือเน้นให้ได้ผลผลิตพอกินพออยู่และเหลือขาย มีพื้นที่ทำการเกษตร 8 ไร่ แบ่งเป็นขุดบ่อหรือสระน้ำขนาด 1 งาน 2 บ่อ และขนาด กว้าง ยาว ลึก 3x50x2 เมตร 1 บ่อ เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้สอยและเพื่อการเกษตร ส่วนบนผืนดินได้ปลูกพืชหลายชนิด เช่น อ้อยคั้นน้ำ ไผ่ มะละกอ กล้วย มะนาว และอื่นๆ
ต่อมาต้องการจัดระบบและปรับพื้นที่ปลูกพืชบางส่วน แต่ทำไม่ได้ จึงจำเป็นต้องตัดต้นมะนาวทิ้ง เมื่อจัดการปรับพื้นที่แล้วได้นำมะนาวมาทดลองปลูกในวงบ่อซีเมนต์หรือวงถังส้วม การดูแลรักษาก็ปฏิบัติเช่นเดิม คือมีการใส่ปุ๋ยและให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ต้นมะนาวก็เจริญเติบโตได้ดี ต่อมาได้นำโอ่งมาเป็นภาชนะทดลองปลูกมะนาว การปฏิบัติดูแลรักษาทั้งการใส่ปุ๋ยและให้น้ำก็ทำเช่นเดียวกับการปลูกในวงบ่อซีเมนต์หรือวงถังส้วม ซึ่งต้นมะนาวก็เจริญเติบโตได้ดีเช่นกัน และวิธีการนี้ยังสามารถผลิตมะนาวนอกฤดูได้ด้วย
คุณแอ๊ด เล่าให้ฟังอีกว่า การปลูกมะนาวในทุกรูปแบบ จะต้องเลือกกิ่งพันธุ์มะนาวที่ปลอดจากโรคและเป็นต้นพันธุ์ดี พันธุ์ที่นิยมปลูก ได้แก่ มะนาวแป้นรำไพ ตาฮิติ หรือพันธุ์ด่านเกวียน ส่วนการเลือกโอ่งเป็นภาชนะปลูกให้เลือกโอ่งที่ใส่ดินปลูกได้ 5-10 ปี๊บ ด้านข้างสูงจากก้นโอ่งขึ้นมา 2-3 นิ้ว จะเจาะรูขนาด 1/2-2 นิ้ว หรือขนาดเท่ากับผลมะนาว 2-3 รู เพื่อให้เป็นช่องทางระบายน้ำ จากนั้นนำกาบมะพร้าวสับมารองก้นโอ่ง สูงประมาณ 1 ฝ่ามือ หรือสูง 4-6 นิ้ว เพื่อให้ก้นโอ่งโปร่ง จากนั้นนำดินปลูกที่มีส่วนผสมของดิน 1 ส่วน ใบไม้แห้ง 2 ส่วน และปุ๋ยคอกแห้ง 1/2 ส่วน ผสมคลุกเคล้ากันให้ทั่วแล้วใส่ลงในโอ่งส่วนหนึ่ง จากนั้นนำต้นพันธุ์มะนาวลงปลูก แล้วใส่ดินปลูกเติมลงไป โดยให้มีพื้นที่เหลือสูงถึงปากโอ่ง ประมาณ 2 ฝ่ามือ จากนั้นรดน้ำให้ชุ่ม
การเตรียมปุ๋ยน้ำมูลหมู ซื้อมูลหมูแห้งจากแหล่งจำหน่าย เช่น จากแหล่งที่มีการทำบ่อก๊าซชีวภาพ หรือจากฟาร์มเลี้ยงหมู มูลหมูแห้งบรรจุในถุงกระสอบปุ๋ย หนัก 15 กิโลกรัม จะซื้อในราคาเฉลี่ย 60 บาท ต่อถุง ถ้ามูลหมูแห้งที่ไล่ก๊าซออกแล้วเมื่อนำมาหมักน้ำจะไม่มีกลิ่น แต่ถ้าเป็นมูลหมูแห้งชนิดที่ไม่ไล่ก๊าซออก เมื่อนำมาหมัก น้ำจะมีกลิ่นเหม็น วิธีการทำปุ๋ยน้ำมูลหมู จะใช้อัตราส่วนผสมดังนี้ นำมูลหมูแห้ง 1 กิโลกรัม ใส่ในถังพลาสติก แล้วเติมน้ำลงไป 10 ลิตร นำไม้มากวนหรือคนให้ทั่ว ปิดฝาแล้วหมักทิ้งไว้ 1 วัน 1 คืน
คุณแอ๊ด เล่าให้ฟังในตอนท้ายว่า การใช้ปุ๋ยน้ำมูลหมู ถ้าราดโคนต้นจะนำปุ๋ยน้ำมูลหมู 1 ส่วน ผสมกับน้ำ 10 ส่วน กวนหรือคนให้ทั่ว นำไปราดรอบโคนต้น อัตรา 2 ลิตร ต่อต้น จากนั้นฉีดพ่นทางใบ โดยนำปุ๋ยน้ำมูลหมู 1 ส่วน ผสมกับน้ำ 20 ส่วน กวนหรือคนให้ทั่ว กรองเอากากออก เทใส่ภาชนะ นำไปฉีดพ่นทางใบรอบทรงพุ่ม ระยะเวลาในการราดโคนต้นและฉีดพ่นทางใบ จะทำ 15-30 วัน ต่อครั้ง
การดูแลหลังปลูก นอกจากใส่ปุ๋ยน้ำมูลหมูแล้วจะต้องใส่ปุ๋ยเคมี สูตรเสมอ ในอัตรา 1 ช้อนแกง หรือ 1 กำมือ ต่อต้น ต่อเดือน โดยโรยปุ๋ยรอบโคนต้นแล้วกลบ รดน้ำให้ชุ่ม และรอบโคนต้นมะนาวสามารถปลูกพืชตระกูลถั่วเป็นพืชคลุมดิน เพื่อช่วยรักษาความชุ่มชื้นและเมื่อพรวนดินกลบต้นถั่วจะถูกย่อยสลายเป็นปุ๋ย นอกจากนี้ จะต้องคอยสังเกตติดตามตรวจตราและป้องกันกำจัดโรค แมลง อย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้มาทำลายผลผลิตมะนาว
คุณสังเวย นาคน้อย อีกหนึ่งเกษตรกรที่ปลูกมะนาวในโอ่ง เล่าว่า ในวันหยุดที่ว่างจากงานอาชีพหลักก็มาช่วยครอบครัวทำการเกษตร พืชหนึ่งที่ปลูกคือ มะนาว เป็นการปลูกเพื่อเก็บผลไปบริโภคในครัวเรือน และเพื่อการเสริมรายได้ รวมทั้งเพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทั้งของตนเองและผู้ที่สนใจ โดยเฉพาะการปลูกมะนาวในโอ่งหรือการนำโอ่งใส่น้ำเป็นภาชนะปลูก ซึ่งมีข้อดีตรงที่เคลื่อนย้ายหรือยกไปปลูกที่อื่นได้ วิธีนี้จะช่วยลดต้นทุนการผลิต และยังสามารถบังคับให้มะนาวติดดอกออกผลนอกฤดูได้