ทางการประกาศเตือนภัยคลื่นความร้อนทั่วอิตาลี
12 ก.ย. 2567
40
0
ทางการประกาศเตือนภัยคลื่นความร้อนทั่วอิตาลี
ทางการประกาศเตือนภัยคลื่นความร้อนทั่วอิตาลี

อิตาลีเตรียมรับมือกับความร้อนที่รุนแรง โดยอุณหภูมิอาจพุ่งสูงถึง 39 องศาเซลเซียส หลังจากที่เผชิญกับฝนตกหนักและพายุฝนฟ้าคะนองอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (Italy’s Civil Protection Department) ได้ออกคำเตือนสภาพอากาศระดับสีเหลืองใน 10 ภูมิภาค ให้เตรียมรับมือกับอากาศที่ร้อนระอุอีกครั้งในปลายเดือนสิงหาคม หลังจากพายุฝนได้ถล่มภาคเหนือของประเทศก่อนที่จะเคลื่อนตัวลงมายังพื้นที่ตอนกลางและตอนใต้ โดยอุณหภูมิเริ่มสูงขึ้นในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2567 ทำให้บางพื้นที่ตอนกลางและตอนใต้ของประเทศมีอุณหภูมิสูงถึง 34-36 องศาเซลเซียส โดยเกาะซิซิลีและซาร์ดิเนียอาจสูงถึง 39 องศาเซลเซียส ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขอิตาลีได้ออกคำเตือนระดับสีแดงสูงสุดใน 6 เมืองใหญ่ ได้แก่ Rome Florence Trieste Bari Latina และ Frosinone ซึ่งหมายความว่าสภาพอากาศอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนทั่วไปและกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุหรือเด็ก ในขณะที่อีก 5 เมือง ได้แก่ Verona Rieti Perugia Brescia และ Bologna อยู่ในระดับสีส้ม ซึ่งหมายถึงความเสี่ยงระดับกลางถึงสูง โดยแนะนำให้ประชาชนดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายนอกอาคาร และพยายามอยู่ในที่ร่มในช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดของวัน (11.00 น. ถึง 18.00 น.)

คลื่นความร้อนในประเทศอิตาลีจะสิ้นสุดเมื่อไหร่  ฤดูร้อนปีนี้ประเทศอิตาลีเผชิญกับคลื่นความร้อน ไฟป่า และพายุฝนฟ้าคะนองที่รุนแรง อันเป็นผลมาจากระบบความกดอากาศต่ำที่เรียกว่าแอนติไซโคลน(anticyclone) ซึ่งได้ดึงกระแสลมร้อนจากแอฟริกาเหนือและสเปนเข้ามา ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นทั่วภูมิภาคมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม แม้ว่ากระแสลมเหล่านี้จะเกิดขึ้นเป็นปกติในช่วงฤดูร้อน แต่นักอุตุนิยมวิทยาสังเกตุว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ทำให้คลื่นความร้อนเหล่านี้มีความรุนแรงมากขึ้นและเกิดบ่อยครั้งขึ้น ทั้งนี้ ยุโรปเป็นทวีปที่อุณหภูมิมีการปรับตัวสูงขึ้นเร็วที่สุดเมื่อเทียบกับทวีปอื่นๆ โดยเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของค่าเฉลี่ยทั่วโลกตามรายงานล่าสุดขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลกและสำนักเฝ้าระวังสภาพภูมิอากาศแห่งสหภาพยุโรป (Copernicus) นอกจากนี้ ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากมนุษย์ได้ทำให้คลื่นความร้อนในยุโรปทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และยังคงมีแนวโน้มที่จะทำให้สภาพอากาศผันผวน โดยเฉพาะในยุโรปตอนใต้และตะวันออกเฉียงใต้ในระยะยาว

ตกลง