อิตาลียังคงเผชิญปัญหาน้ำท่วมครั้งใหญ่ในเดือนกันยายน 2567 โดยเฉพาะในแคว้น Emillia-Romagna ซึ่งเป็นแคว้นที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากพายุไซโคลนบอริสที่เคลื่อนตัวลงมาจากยุโรปตอนกลางในช่วงเดือนที่ผ่านมา สร้างความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งองุ่นและธัญพืชที่ใกล้ถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวและโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตรหลายพันเฮกเตอร์ โดยประชาชนหลายพันคนต้องอพยพออกจากบ้านเรือน สะพานและรถไฟหลายสายถูกระงับการให้บริการ ทั้งนี้ พื้นที่ปลูกผลไม้/ผัก โกดังเก็บสินค้า และฟาร์มหลายแห่งได้รับผลกระทบจากดินถล่มและน้ำท่วม เหล่านี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานอาหารของประเทศด้วย เนื่องจากแคว้น Emillia-Romagna เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีความสำคัญทางการเกษตรมากที่สุดในประเทศอิตาลี มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจและการส่งออกของประเทศ ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เอื้อต่อการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ ทำให้แคว้น Emillia-Romagna เป็นแหล่งผลิตสินค้าการเกษตรคุณภาพสูงหลายชนิด ได้แก่ ชีส Parmigiano Reggiano ซึ่งเป็นชีสแข็งที่มีชื่อเสียงระดับโลก แฮม Prosciutto di Parma ซึ่งเป็นผลผลิตจากการเลี้ยงวัวในพื้นที่ที่มีการควบคุมมาตรฐานสูง น้ำส้มสายชู Aceto balsamico di Modena และแฮม Mortadella bologna PGI นอกจากนั้น ยังเป็นแหล่งเพาะปลูกธัญพืชและข้าวสาลี ซึ่งใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตอาหารจำพวกพาสต้า ภาคปศุสัตว์ การเลี้ยง
โคนมและหมูในแคว้นนี้มีบทบาทสำคัญต่อการผลิตนม ชีส และเนื้อสัตว์แปรรูปคุณภาพสูง โดยเฉพาะเนื้อหมูที่ใช้
ทำแฮม Prosciutto และ Salumi ชนิดต่างๆ นอกจากนี้ Emillia-Romagna ยังเป็นแคว้นที่มีจำนวนผลิตภัณฑ์อาหารที่มีสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (DOP/IGP/STG) มากที่สุดในอิตาลีและมีมูลค่ามากถึง 3.5 พันล้านยูโร หรือคิดเป็น 40% ของมูลค่าการผลิตอาหารใน DOP food economy ในอิตาลี (ข้อมูล รายงาน ISMEA 2023) ดังนั้น ผลกระทบที่เกิดจากวิกฤติน้ำที่เกิดต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาในภูมิภาคดังกล่าว ทำให้เกษตรกรต้องเผชิญกับความสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมาก เนื่องจากปริมาณน้ำที่มากเกินไปทำให้ดินเสื่อมสภาพ และอาจต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัว