“วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแบ่งอิตาลีออกเป็นสองส่วน”
8 ส.ค. 2567
16
0
“วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแบ่งอิตาลีออกเป็นสองส่วน”
“วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแบ่งอิตาลีออกเป็นสองส่วน”

อิตาลีประสบปัญหาวิกฤตสภาพอากาศแปรปรวนอย่างรุนแรงได้แบ่งอิตาลีออกเป็นสองส่วน ทำให้อิตาลีทางตอนเหนือเกิดวิกฤตน้ำท่วม ในขณะที่ตอนใต้ของอิตาลีเกิดวิกฤตภัยแล้งและไฟป่า ส่งผลกระทบต่อภาคเกษตร/ปศุสัตว์ สุขภาพและความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของชุมชน
ในขณะที่ทางตอนเหนือของอิตาลีประสบปัญหาพายุฝน พายุลูกเห็บ ลมกรรโชกแรง โดยเฉพาะในพื้นที่แคว้น Piemonte, Trentino Alto Adige และแคว้น Lombardia ที่ได้รับผลกระทบมากเป็นพิเศษ สร้างความเสียหายต่อพื้นที่ทางการเกษตร พายุที่พัดถล่มทำให้ทำให้เกิดน้ำท่วมฟาร์ม ต้นไม้ล้มกีดขวางถนนหลายสายทำให้การจราจรทางรถไฟชะลอตัว โคลนถล่มและน้ำท่วมหมู่บ้านในหุบเขา จากรายงานของสมาพันธ์เกษตรกร (Coldiretti) และฐานข้อมูลสภาพอากาศเลวร้ายของยุโรป (Eswd) พบว่าในช่วงหกเดือนแรกของปี 2567 อิตาลีประสบปัญหาวิกฤตสภาพอากาศแปรปรวน มากถึง 1,347 ครั้ง เช่น ลูกเห็บ ฝน ลมพายุ และพายุทอร์นาโด (+22% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลมพายุและพายุทอร์นาโดที่เกิดเพิ่มขึ้นถึง 45%
ทางตอนใต้ของอิตาลีกลับประสบวิกฤติภัยแล้งขั้นรุนแรงและคลื่นความร้อนอุณหภูมิกว่า 40 องศาในเดือนกรกฎาคม สูงที่สุดที่เคยมีการบันทึกไว้ +1.47 องศา (ข้อมูล Isac Cnr) ทั้งนี้ ความร้อนที่เพิ่มขึ้นทำให้ฝูงตั๊กแตนกลับมาระบาดอีกครั้ง สร้างความเสียหายต่อพืชไร่ รวมถึงทุ่งหญ้าสำหรับปศุสัตว์ นอกจากนี้ วิกฤติภัยแล้งและคลื่นความร้อนจัดทำให้เกิดเพลิงไหม้ในหลายพื้นที่ทางตอนใต้ สร้างความเสียหายต่อภาคเกษตรอย่างมาก เช่น พื้นที่บนเกาะ Sardegna เกิดเพลิงไหม้ทำให้ฝูงแกะตายไป 250 ตัว รวมถึงสวนมะกอกเก่าแก่ เช่นเดียวกันกับเกาะ Sicily ที่เกิดวิกฤติภัยแล้งอย่างหนัก ขาดแคลนน้ำในการทำการเกษตร ทำให้การเก็บเกี่ยวข้าวสาลีลดลงมากกว่า 50% เช่นเดียวกับภาคปศุสัตว์ที่ นอกจากนี้ แคว้น Puglia ได้รับคลื่นความร้อนจากแอฟริกา ทำให้ผลผลิตผักและผลไม้ลดลงกว่าครึ่ง ส่วนแคว้น Basilicata ซึ่งเป็นแคว้นหลักของอิตาลีที่เพาะปลูกธัญพืช พบพื้นที่เกือบ 200 เฮกเตอร์ถูกไฟไหม้ โดย Coldiretti ประเมินความเสียหายเฉพาะในภาคเกษตรเกือบ 500 ล้านยูโร พบว่ามีการผลิตลดลงถึง 80% โดยเฉพาะข้าวสาลีดูรัมสำหรับผลิตพาสต้า ซึ่งภัยแล้งในปีนี้ ส่งผลให้การผลิตอาหารสัตว์ลดลงประมาณ 70% การผลิตน้ำมันมะกอกลดลง 50-75% การผลิตไวน์ลดลง 40%
ในปี 2567 (วันที่ 1 มกราคม - 30 กรกฎาคม 2567) อิตาลีเกิดไฟไหม้เกิดขึ้น 615 ครั้ง โดยมีพื้นที่ที่ถูกเผาไปทั้งสิ้น 22,100 เฮกเตอร์ และพบว่าเฉพาะเดือนกรกฎาคม อิตาลีมีพื้นที่ที่ถูกไฟไหม้แล้วเกือบ 7,000 เฮกเตอร์ นับเป็นความเสียหายต่อเศรษฐกิจและความปลอดภัยของประชาชนเป็นอย่างมาก
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้เกิดวิกฤติภัยแล้งอย่างหนักในภาคใต้ของอิตาลี ซึ่งรัฐบาลควรเร่งดำเนินการจัดการทรัพยากรน้ำและชลประทานอย่างเร่งด่วน ก่อนที่วิกฤติภัยแล้งดังกล่าวจะสร้างความเสียหายต่อภาคเกษตรและส่งผลต่ออธิปไตยทางอาหารของประเทศไปมากกว่านี้
ทั้งนี้ สมาพันธ์เกษตรกร Coldiretti ได้เรียกร้องให้ภาครัฐเร่งเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อลดความร้อน โดยพื้นที่สีเขียวขนาด 1,500 ตารางเมตร จะทำให้อุณหภูมิเย็นลงโดยเฉลี่ย 1.5 องศา ซึ่งในปัจจุบันพบว่าพื้นที่สีเขียวต่อประชากรลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะชุมชนในเมืองใหญ่ เช่น Milan Rome Naple Bari Parlermo อย่างไรก็ดี รัฐบาลอิตาลีมีแผนพัฒนาสวนสาธารณะและเพิ่มพื้นที่สีเขียวขึ้นใหม่ในเมืองขนาดใหญ่ที่จะช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศและชีวิตความเป็นอยู่ของประชากร ส่งเสริมเศรษฐกิจ และการจ้างงาน
*****
ข้อมูล
สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงโรม (สปษ.โรม)

ตกลง