FAO รายงานดัชนีราคาอาหารโลกประจำเดือนเมษายน 2567 (Food Price Index FFPI) อยู่ที่ 119.1 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยได้รับแรงหนุนจากราคาเนื้อสัตว์โลกที่สูงขึ้น
ดัชนีราคาน้ำมันพืช เฉลี่ยอยู่ที่ 130.9 จุด เพิ่มขึ้น 0.3 จุด จากเดือนมีนาคม แตะระดับสูงสุดในรอบ 13 เดือน โดยเฉพาะราคาน้ำมันดอกทานตะวันและ
เรพซีดที่สูงขึ้น ในขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มและน้ำมันถั่วเหลืองลดลง ราคาน้ำมันปาล์มที่ลดลง มาจากผลผลิตที่สูงขึ้นตามฤดูกาลในประเทศผู้ผลิตหลักและ
ความต้องการนำเข้าทั่วโลกที่ลดลง ในขณะที่ราคาน้ำมันถั่วเหลืองในตลาดโลกลดลงจากปริมาณการผลิตในอเมริกาใต้ที่มีแนวโน้มที่ดี ส่วนราคาน้ำมัน
ดอกทานตะวันและน้ำมันเรพซีดที่เพิ่มขึ้น มาจากอุปสงค์ที่มีอย่างต่อเนื่อง
ดัชนีราคาผลิตภัณฑ์นม เฉลี่ยอยู่ที่ 123.7 จุด ลดลงเล็กน้อยจากเดือนมีนาคม ซึ่งถือเป็นการชะลอตัวหลังจากเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 6 เดือน โดยราคานมผงพร่องมันเนยลดลงมากที่สุด มาจากความต้องการนำเข้าที่ลดลง ราคาชีส
ลดลงเล็กน้อย จากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ ราคาเนยยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจาก
ความต้องการนำเข้าที่มีมาอย่างต่อเนื่องและสินค้าคงคลังในยุโรปตะวันตกที่มีค่อนข้างจำกัด
ดัชนีราคาเนื้อสัตว์ เฉลี่ยอยู่ที่ 116.3 จุด เพิ่มขึ้น 1.9 จุด จากเดือนมีนาคม เป็นการเพิ่มขึ้นสามเดือนติดต่อกัน โดยเฉพาะ ราคาเนื้อสัตว์ปีกและเนื้อวัว ซึ่งมาจากอุปสงค์ของประเทศผู้นำเข้าที่มีอย่างต่อเนื่อง
ดัชนีราคาน้ำตาล เฉลี่ยอยู่ที่ 127.5 จุด ลดลง 5.9 จุด จากเดือนมีนาคม นับเป็นการลดลงเป็นเดือนที่สอง จากปริมาณการผลิตที่มีมากในอินเดียและไทย
ดัชนีราคาธัญพืช เฉลี่ยอยู่ที่ 111.2 จุดในเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 0.3 จุด จากเดือนมีนาคม หลังจากลดลงติดต่อกันสามเดือน แรงกดดันด้านราคาที่สูงขึ้นมาจากความกังวลเกี่ยวกับการเก็บเกี่ยวผลผลิตในปี 2024 ในสหภาพยุโรป รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา ในขณะที่ราคาส่งออกข้าวโพดเพิ่มขึ้น มาจากความต้องการนำเข้าที่สูง การหยุดชะงักด้านการขนส่งที่เกิดจากความเสียหายของโครงสร้างพื้นฐานในยูเครน และการผลิตที่ลดลงในบราซิลก่อนเริ่มฤดูการเก็บเกี่ยว สำหรับธัญพืชอื่นๆ ได้แก่ ราคาข้าวบาร์เลย์ในตลาดโลกก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ในขณะที่ราคาข้าวฟ่างลดลงในเดือนเมษายน ส่วนราคาข้าวทั้งหมด ลดลงร้อยละ 1.8 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากราคาของสายพันธุ์ Indica ซึ่งได้แรงหนุนจากแรงกดดันในการเก็บเกี่ยว