รู้หรือไม่ “ผักแขนง” มาจากการปลูกกะหล่ำปลีที่เป็นหัว หลังจากตัดยอดได้ 15 วัน จะมีหน่อออกมาเป็นแขนงนั่นเอง พอถึงกำหนดก็สามารถตัดแขนงไปจำหน่ายได้ ลักษณะของแขนง จะมีขนาดเล็ก มีความกรอบ รสชาติคล้ายๆ กับคะน้าแต่ไม่ขม หลายๆ คนจึงมักเข้าใจผิด คิดว่าแขนงมาจากยอดอ่อนของคะน้า หรือเกษตรกรส่วนใหญ่จะเรียกว่า “กะหล่ำปลีตัดแขนง” นั่นเอง
หลังจากตัดกะหล่ำปลีออก จะเหลือแกนกลางของกะหล่ำปลีแบบนี้ หลังจากตัดกะหล่ำปลีเสร็จแล้วแนะนำให้พับใบที่อยู่ใกล้เคียงลง เพื่อไม่ให้แดดส่องถึงแกนกลางที่แขนงจะงอกออกมา แต่ถ้าแขนงเริ่มแตกยอดออกมา ก็สามารถเปิดใบที่ปิดไว้ได้เลย มิฉะนั้นอาจจะเป็นแหล่งอาศัยของเพลี้ย
การปลูกผักแขนง
สามารถปลูกได้ในดินแทบทุกชนิด แต่จะให้ผลผลิตสูงในดินที่มีสภาพร่วนปนทรายระบายน้ำได้ดี
ความเป็นกรด-ด่างของดิน (pH) อยู่ในช่วง 6.0 – 6.8
อุณหภูมิที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโต 22 – 25 องศาเซลเซียส
ควรได้รับแสงแดดตลอดทั้งวัน
ประโยชน์ของผักแขนง
1.ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง
ในผักแขนงมีสารโฟเลตสูง ซึ่งสารชนิดนี้จะเข้าไปอยู่ในกระแสเลือด มีสรรพคุณช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งและเชื้อไวรัสต่างๆ นอกจากนี้ ยังป้องกันโรคมะเร็งในผู้หญิง เช่น มะเร้งปากมดลูก มะเร็งเต้านมได้ดี เพราะมีสารอินโดล ที่จะกระตุ้นการทำงานของตับให้สร้างเอนไซม์ออกมาใช้ในการต้านมะเร็ง และควบคุมระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนของเพศหญิงให้เป็นปกติ
2.บำรุงสายตา
ผักแขนงมีวิตามินเอสูง จึงช่วยบำรุงสายตา ทำให้การมองเห็นดีขึ้น และชะลอการเสื่อมของม่านตา
บำรุงผิว
อุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งมีสรรพคุณช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใส สุขภาพดี ไม่เหี่ยวย่นก่อนวัย จึงทำให้ผิวสวย นอกจากนี้ ยังมีฤทธิ์ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ทำให้เม็ดสีที่เคยคล้ำดูจางลง ส่งผลให้ผิวดูขาวขึ้นได้อีกด้วย
สร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้ดีขึ้น
เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินสำคัญๆ ทำให้มีสรรพคุณช่วยทำให้ภูมิคุ้มกันโรคทำงานได้ดีขึ้น เมื่อเกิดอาการเจ็บป่วยจากโรคต่างๆ ก็จะหายได้เร็ว นอกจากนี้ ยังช่วยในการต้านทานโรคทางเดินหายใจ ทำให้ระบบการหายใจมีประสิทธิภาพที่ดี
บำรุงเลือด ช่วยให้สมานแผลได้เร็ว
ผักแขนงช่วยในการบำรุงเลือด ช่วยซ่อมแซมเส้นเลือดฝอยเล็กๆ ภายในร่างกาย และยังช่วยสร้างเกล็ดเลือด ทำให้รักษาและสมานแผลให้หายได้เร็ว ไม่ว่าจะเป็นบาดแผลสด แผลไหม้ รวมไปถึงแผลผ่าตัดก็ได้เช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก : sgethai.com