“เมตาไรเซียม” จุลินทรีย์กำจัดแมลง ปลอดภัย ใช้ง่าย ได้ผลไว
9 ก.ย. 2567
42
0
“เมตาไรเซียม”จุลินทรีย์กำจัดแมลง
“เมตาไรเซียม” จุลินทรีย์กำจัดแมลง ปลอดภัย ใช้ง่าย ได้ผลไว

ปัญหาแมลงศัตรูพืชเป็นอีกหนึ่งปัญหาหลักๆ เมื่อปลูกพืชไม่ว่าจะเป็นไม้ประดับหรือพืชเศรษฐกิจถือเป็นสิ่งที่ต้องเจอเสมอ ปัจจุบันเกษตรกรหรือผู้ที่สนใจปลูกพืชจะเน้นการป้องกันแบบธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้สารชีวภัณฑ์หรีอจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ เพราะนอกจากจะไม่เป็นอันตรายกับมนุษย์แล้ว ยังเป็นการไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน 


จุลินทรีย์ควบคุมแมลงศัตรูพืชอย่าง เชื้อราเขียวเมตาไรเซียม (Metarhizium anisopliae) ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Metarhizium anisopliae (Metsch) Sorok เป็นจุลินทรีย์ขนาดเล็กที่พบในดิน หากมองด้วยตาเปล่าจะสังเกตได้ยาก ซึ่งจุลินทรีย์ชนิดนี้สามารถทำให้เกิดโรคได้ในแมลงหลายชนิด อย่างเช่น หนอนผีเสื้อ หนอนด้วง ตั๊กแตน และเพลี้ยต่างๆ และยังสามารถกำจัดแมลงในดินได้อีกด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มหนอนด้วงแรด (rhinoceros beetle) ที่อยู่ในระยะตัวหนอน ดักแด้ และตัวเต็มวัย ซึ่งเชื้อราเมตาไรเซียมสามารถทำลายได้ทั้งตัวอ่อนและตัวเต็ววัย นอกจากนี้ ยังเป็นเชื้อราที่ไม่ทำอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยง  

 

กลไกลการทำงานของเชื้อราเมตาไรเซียมจะควบคุมแมลงศัตรูพืชได้อย่างไรนั้น สามารถอธิบายให้เห็นภาพง่ายๆ ดังนี้ เมื่อสปอร์ของเชื้อราเมตาไรเซียมสัมผัสโดนตัวแมลงในพื้นที่สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และต้องมีความชื้นสูงพอสมควรจะช่วยให้เกิดการงอกเข้าไปในตัวของแมลง  

หลังจากเชื้อราเมตาไรเซียมเข้าไปเจริญในตัวของแมลงแล้ว ในระยะแรกจะเห็นเป็นจุดสีน้ำตาลบนผนังลำตัว และต่อมาจะเริ่มเกิดเป็นเส้นใยสีขาวบนลำตัวของแมลงที่ได้สัมผัสกับเชื้อราเมตาไรเซียม อีกไม่นานจะพบสปอร์ลักษณะคล้ายๆ ฝุ่นสีเขียวคล้ำปกคลุมทั่วตัวของแมลง หากได้นำมือไปบีบแมลงที่ตายจะพบว่าลำตัวของแมลงจะมีลักษณะแข็ง 

 

หรืออวัยวะภายในของแมลงที่ได้สัมผัสเมตาไรเซียมจะค่อยๆ ได้รับความเสียหายไปด้วยเช่นกัน เส้นใยจะเจริญเติบโตและแพร่กระจายจนเต็มตัวเหยื่อที่เข้าไปอาศัย และแมลงศัตรูพืชเปล่านั้นจะค่อยๆ ตายมีลักษณะตัวแห้งและแข็ง เรียกลักษณะเช่นนี้ว่า “มัมมี่” เพราะเส้นใยเชื้อราจะเข้าไปเจริญอัดแน่นอยู่ภายในลำตัว เมื่อผ่านไปได้อีกระยะหนึ่งเชื้อราจะแทงทะลุผ่านผนังลำตัว พร้อมทั้งแพร่กระจายพันธุ์ภายนอกในช่วงแรก พร้อมทั้งสร้างเส้นใยสีขาวขึ้นปกลุมลำตัว และสร้างสปอร์สีเขียวในเวลาต่อมา 

 

การผลิตขยายเชื้อราเมตาไรเซียมหรือราเขียว 

ทำได้ไม่ยาก ช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ 

ในส่วนของขั้นตอนการผลิตเชื้อราเมตาไรเซียมถือว่ามีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก เกษตรกรทั่วไปหรือท่านใดที่สนใจอยากจะประหยัดต้นทุน และต้องการใช้จุลินทรีย์ชนิดนี้ช่วยในการควบคุมแมลงศัตรูพืชสามารถทำได้ง่ายๆ คือ 

แช่ข้าวสารในน้ำ 30-40 นาที พร้อมทั้งล้างข้าวสารให้สะอาด 
ผึ่งข้วสารที่ล้างน้ำแล้วให้สะเด็ดน้ำเล็กน้อย
จากนั้นตักข้าวใส่ถุงพลาสติกประมาณถุงละ 200 กรัม หรือประมาณ (2-3 ทัพพีต่อถุง) 
ใส่คอขวดปิดทับด้วยสำลี ปิดทับด้วยกระดาษ พร้อมกับนำไปนึ่งในซึ้งประมาณ 40 นาที และทิ้งไว้ให้อุ่น 
หยดหัวเชื้อลงไปประมาณ 5-7 หยด พร้อมกับใส่สำลี ปิดทับด้วยกระดาษ 
วางถุงเชื้อในลักษณะแนบราบไม่ซ้อนทับประมาณ 10-14 วัน เพื่อให้เชื้อเจริญเติบโตได้เต็มที่ และจะได้เชื้อสดของเชื้อราเมตาไรเซียม 
ทำการเก็บรักษาควรวางไว้ในที่ร่มและอากาศถ่ายเทดี 

 

การใช้เชื้อราเมตาไรเซียม อย่างถูกวิธี

เพื่อประโยชน์สูงสุด ในการควบคุมแมลง

เชื้อราเมตาไรเซียมถือเป็นสิ่งมีชีวิต เพราะฉะนั้นการใช้งานถือว่ามีความสำคัญมาก เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการกำจัดหรือควบคุมแมลงศัตรูพืช สามารถใช้ด้วยกัน 2 วิธี คือ 

การผสมน้ำฉีดพ่น โดยใช้เชื้อราเมตาไรเซียม (เชื้อสด) ในอัตรา 100 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร จากนั้นผสมและขัดวัสดุเลี้ยงเชื้อให้สปอร์ที่ติดอยู่ละลายกับน้ำ จากนั้นกรองด้วยผ้าขาวบาง พร้อมทั้งใส่สารจับใจหรือน้ำยาล้างจานก่อนที่จะทำการฉีดพ่น เพื่อให้การฉีดพ่นมีประสิทธิภาพและถูกสัมผัสกับตัวแมลงมากที่สุด เวลาที่เหมาะสมในการฉีดพ่นควรเป็นเวลาช่วงตอนเย็น โดยฉีดพ่น 2-3 ครั้ง ให้ระยะเวลาห่างกันคราวละ 5-7 วัน 
การทำกองล่อ โดยใช้ท่อนไม้ตัดเป็นท่อนยาวประมาณ 2 เมตร ทำขอบด้วยการวางท่อนไม้ให้เป็นรูปสีเหลี่ยม จากนั้นขุดภายในกองให้ลึกประมาณ 50 เซนติเมตร และใส่เศษซากพืชเศษอินทรียวัตถุต่างๆ และปุ๋ยคอกให้เต็ม พร้อมทั้งรดน้ำเพิ่มความชื้นในกองล่อ เพื่อให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดี จากนั้นประมาณ 2-3 เดือน จะเริ่มพบด้วงวางไข่และเจริญเติบโตเป็นตัวหนอน จากนั้นให้ใช้เชื้อราเมตาไรเซียม 1-2 กิโลกรัม ผสมน้ำราดให้ทั่วกองล่อ

 

ข้อควรระวัง 

การใช้เชื้อราเมตาไรเซียม

สำหรับการผลิตเชื้อราเมตาไรเซียมนั้น ในเรื่องของความสะอาดต้องให้ความสำคัญเป็นหลัก โดยต้องแยกสถานที่ผลิตเชื้อราแต่ละชนิด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหรือหลีกเลี่ยงการปนเปื้อน 

นอกจากนี้ ไม่ควรนำก้อนเชื้อราเมตาไรเซียมไปขยายต่อ อาจจะทำให้เกิดการปนเปื้อนและประสิทธิภาพของสปอร์จะมีปริมาณที่ลดลงไปด้วย และหากพบลักษณะการปนเปื้อนในถุงข้าว เช่น มีความเเฉะ เหม็น หรือเห็นจุดสีอื่นๆ นอกจากสีเขียวและขาว ต้องทำการแยกออกจากชั้นวางและทำลายโดยเผาทิ้งทันที 

อย่างไรก็ตาม เชื้อราเมตาไรเซียมจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการควบคุมและกำจัดแมลงศัตรูพืช ซึ่งการใช้ให้เกิดประโยชน์ควรใช้ในช่วงเวลาที่เหมาะสมและมีความต่อเนื่อง ก็จะช่วยให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และยังสามารถประหยัดต้นทุนจากการใช้สารเคมีและที่สำคัญช่วยให้เกษตรกรหรือผู้ปลูกพืชมีความปลอดภัย และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก 

ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืช จังหวัดเชียงใหม่ 

ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืช จังหวัดสุราษฎร์ธานี 

ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืช จังหวัดสงขลา 

กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีไบโอรีไฟเนอรีและชีวภัณฑ์ ทีมวิจัยเทคโนโลยีการควบคุมทางชีวภาพ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค)

ตกลง