การลาศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ
27 พ.ย. 2567
1,383
11,032

คู่มือ ระเบียบ หลักเกณฑ์ และแนวทางปฏิบัติ เกี่ยวกับ
การลาศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ
***************

หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การให้ข้าราชการพลเรือนไปศึกษาเพิ่มเติม ฝึกอบรม ดูงานหรือปฏิบัติการวิจัย ณ ต่างประเทศ
ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ
พ.ศ. ๒๕๔๙

โดย นายขจร ไศละสูต
ศูนย์จัดการศึกษาในต่างประเทศและบริหารความรู้ สำนักงาน ก.พ.
******************************

๑. พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ และแก้ไขเพิ่มเติม

มาตรา ๑๑ "นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้ 
(๘) วางระเรียบปฏิบัติราชการ เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปโดย รวดเร็วและมีประสิทธิภาพเท่าที่ไม่ขัดหรือแยังกับพระราช บัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น” 

๒. พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑

เจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๗๕ ต้องการให้การพิจารณาให้ข้าราชการพลเรือนสามัญไปศึกษาเพิ่มเติม ฝึกอบรม ดูงาน หรือปฏิบัติการวิจัยในประเทศหรือต่างประเทศของส่วนราชการต่าง ๆ มีการดำเนินการที่เป็นมาตรฐานภายใต้หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ ก.พ. กำหนด 

มาตรา ๗๕ บัญญัติว่า "การให้ข้าราชการพลเรือนสามัญไปศึกษาเพิ่มเติม ฝึกอบรม ดูงาน หรือปฏิบัติการวิจัยในประเทศหรือต่างประเทศ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ ก.พ. กำหนด

มาตรา ๘ (๙) กำหนดให้ ก.พ. ออกข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการจัดการการศึกษาและควบคุมดูแลและการให้ความช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐ นักเรียนทุนเล่าเรียนหลวง นักเรียนทุนของรัฐบาล และนักเรียนทุนส่วนตัวที่อยู่ในความดูแลของ ก.พ. ตลอดจนการเก็บเงินชดเชยค่าใช้จ่ายในการดูแลจัดการการศึกษา ทั้งนี้ ให้ถือว่าเงินชดเชยค่าใช้จ่ายในการดูแลจัดการศึกษาเป็นเงินรายรับของส่วนราชการที่เป็นสถานอำนวยบริการอันเป็นสาธารณประโยชน์ ตามความหมายในกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ

การให้ข้าราชการพลเรือนสามัญไปศึกษาเพิ่มเติม ฝึกอบรม ดูงาน หรือปฏิบัติการวิจัยในต่างประเทศนั้น ก.พ.ได้มีหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร ๑๐๑๓.๘.๕/ว ๒๐ ลงวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๑ กำหนดให้นำระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๙ มาบังคับใช้

ส่วนการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญไปศึกษาเพิ่มเติม ฝึกอบรม ดูงาน หรือปฏิบัติการวิจัยในประเทศ ก.พ.ได้มีหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร ๑๐๑๓.๘.๕/ ว ๒๒ ลงวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๒ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ ไปศึกษาเพิ่มเติม ฝึกอบรม ดูงาน หรือปฏิบัติการวิจัยในประเทศ

๓. ระเบียบ: ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๙

(๑) บททั่วไป
(๒) คำจำกัดความ
(๓) "ก.ข.ต.”
(๔) การศึกษาหรือฝึกอบรม ณ ต่างประเทศ
(๕) การปฏิบัติการวิจัย ณ ต่างประเทศ
(๖) การดูงาน ณ ต่างประเทศ
(๗) การทำสัญญาและการชดใช้
(๘) การกำกับดูแลข้าราชการ
(๙) บทเฉพาะกาล

๔. ประกาศ:

๔.๑ ประกาศ กขต. ลงวันที่ 19 กรกฎาคม 2550 เรื่อง การกำหนดโครงการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ

ก.ข.ต. กำหนด ให้การพิจารณากำหนดโครงการที่จะให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ ของส่วนราชการ นอกจากจะต้องถือปฏิบัติตามหลักการ ตลอดจนหลักเกณฑ์ที่กำหนดในข้อ 8 ข้อ 20 และข้อ 23 แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ พ.ศ.2549 แล้ว จะต้องสอดคล้อง กับหลักการ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 จะต้องสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือแผนกลยุทธ์ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และยุทธศาสตร์ของส่วนราชการ

ข้อ 2 เป็นสาขาวิชาหรือหลักสูตรที่สนับสนุนภารกิจหลักของส่วนราชการ หรือเป็นการสร้างองค์ความรู้ใหม่ที่จะเป็นประโยชน์ต่อส่วนราชการ หรือภารกิจเร่งด่วน หรือมีผลต่อการวางแผนอัตรากำลังคน

๔.๒ ประกาศ: กรมวิเทศสหการ ลงวันที่ 13 สิงหาคม 2545 เรื่อง ทุนรัฐบาลต่างประเทศ องค์การระหว่างประเทศ องค์การต่างประเทศ หรือนิติบุคคลต่างประเทศ ที่เป็นทุนประเภท 1 ข

๕. หนังสือเวียน:

๕.๑ หนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร ๑๐๑๓.๘.๕/ว ๒๐ ลงวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๑ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญไปศึกษาเพิ่มเติม ฝึกอบรม ดูงาน และปฏิบัติการวิจัยในต่างประเทศ

ก.พ. พิจารณาแล้วเห็นว่า โดยที่คณะรัฐมนตรีได้วางระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ พ.ศ. 2549 เพื่อใช้บังคับแก่ข้าราชการที่อยู่ในสังกัดส่วนราชการที่อยู่ในบังคับบัญชาหรือในกำกับดูแลของฝ่ายบริหารหมายความรวมถึงข้าราชการพลเรือนสามัญด้วยแล้ว ดังนั้น ก.พ. จึงมีมติกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญไปศึกษาเพิ่มเติม ฝึกอบรม ดูงานหรือปฏิบัติการวิจัย ณ ต่างประเทศ โดยให้นำระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ พ.ศ. 2549 มาใช้บังคับ

๕.๒ หนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร/กขต. ๑๐๑๓.๘/ว. ๘ ลงวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๐ เรื่อง การปฏิบัติราชการชดใช้ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัยและดูงาน ณ ต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๙

ตามที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ พ.ศ. 2549 เพื่อใช้แทนระเบียบว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม และดูงาน ณ ต่างประเทศ พ.ศ. 2512 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และในบทเฉพาะกาลข้อ 29 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ พ.ศ. 2549 ได้ระบุว่า "ข้าราชการผู้ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย หรือดูงาน ณ ต่างประเทศ ตามระเบียบ ว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม และดูงาน ณ ต่างประเทศ พ.ศ. 2512 และที่แก้ไขเพิ่มเติม อยู่ในวันที่ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีนี้มีผลใช้บังคับให้ถือว่าข้าราชการผู้นั้นได้รับอนุมัติให้ไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย หรือดูงาน ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีนี้” นั้น

ก.ข.ต. ได้พิจารณาเห็นว่า เพื่อมิให้เกิดข้อปัญหาในการตีความเกี่ยวกับระยะเวลาในการปฏิบัติราชการชดใช้และการชดใช้เงินกรณีที่ข้าราชการผิดสัญญาลาศึกษา ฝึกอบรม หรือ ปฏิบัติการวิจัย ณ ต่างประเทศ จึงได้กำหนดหลักการ ดังนี้

1. กรณีไปศึกษาหรือฝึกอบรม หรือปฏิบัติการวิจัย ณ ต่างประเทศ ตามระเบียบว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม หรือดูงาน พ.ศ. 2512 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดย

1.1 ได้เสร็จสิ้นการศึกษาหรือยังไม่เสร็จสิ้นการศึกษา แต่กลับเข้าปฏิบัติราชการชดใช้ก่อนหรือในวันที่ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้ข้าราชการลาไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ พ.ศ. 2549 จะมีผลใช้บังคับ

1.2 ได้เสร็จสิ้นการศึกษาและรายงานตัวเข้าปฏิบัติราชการชดใช้ตามสัญญาและปฏิบัติผิดสัญญาก่อนวันที่ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้ข้าราชการลาไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ พ.ศ. 2549 จะมีผลใช้บังคับ (ปัจจุบันอยู่ระหว่างเรียกให้ชดใช้ตามสัญญา)

1.3 ได้เสร็จสิ้นการศึกษาก่อนวันที่ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ พ.ศ. 2549 จะมีผลใช้บังคับ แต่ได้รายงานตัวเข้าปฏิบัติราชการชดใช้ภายหลังจากวันที่ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ พ.ศ. 2549 มีผลใช้บังคับ

หลักการ: ระยะเวลาในการปฏิบัติราชการชดใช้และการชดใช้เงินกรณีที่ผิดสัญญาฯ ในข้อ 1.1 – 1.3 ให้เป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม และดูงาน ณ ต่างประเทศ พ.ศ. 2512 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และปฏิบัติตามสัญญาเดิมที่ได้ทำไว้กับสังกัด

2. กรณีที่ส่วนราชการได้จัดสรรทุนให้ผู้รับทุน และมีการทำสัญญาตามระเบียบว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม และดูงาน ณ ต่างประเทศ พ.ศ. 2512 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดย

2.1 ผู้รับทุนอยู่ระหว่างปฏิบัติราชการชดใช้ทุนหรือถูกดำเนินคดีตามสัญญารับทุนหรือสัญญาลาศึกษา ฝึกอบรม หรือปฏิบัติการวิจัย ที่จัดทำตามระเบียบว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม และดูงาน ณ ต่างประเทศ พ.ศ. 2512 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

หลักการ: ให้ถือตามระเบียบว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม และดูงาน ณ ต่างประเทศ พ.ศ. 2512 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และปฏิบัติตามสัญญาเดิมที่ได้ทำไว้กับสังกัดและเจ้าของทุน โดยไม่สามารถแก้ไขสัญญารับทุนหรือสัญญาลาศึกษาฯ ให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้ข้าราชการลาไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ พ.ศ. 2549 ได้

2.2 ผู้รับทุนหรือข้าราชการอยู่ระหว่างศึกษา หรือฝึกอบรม และขณะศึกษาหรือ ฝึกอบรม ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ พ.ศ. 2549 มีผลใช้บังคับ

หลักการ: การลาศึกษา ฝึกอบรม หรือปฏิบัติการวิจัย ก่อนวันที่ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ พ.ศ. 2549 จะมีผลใช้บังคับให้ถือตามระเบียบว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม และดูงาน ณ ต่างประเทศ พ.ศ. 2512 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และปฏิบัติตามสัญญาที่ได้ทำไว้กับสังกัด สำหรับระยะเวลาที่ศึกษา ฝึกอบรม หรือปฏิบัติการวิจัยในต่างประเทศที่ยังเหลืออยู่ ตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2549 เป็นต้นไป ให้ข้าราชการทำสัญญาตามแบบที่กระทรวงการคลังกำหนด ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์การชดใช้ทุน ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ พ.ศ. 2549

3 กรณีของข้าราชการที่รับทุนจากทางราชการหรือหน่วยงานอื่น

หลักการ: การทำสัญญารับทุนให้เป็นไปตามแบบที่เจ้าของทุนกำหนด ซึ่งอาจทำสัญญาแยกต่างหากจากสัญญาลาศึกษา ฝึกอบรม หรือปฏิบัติการวิจัย ณ ต่างประเทศ ตามแบบที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยเจ้าของทุนจะเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขการชดใช้ทุนในสัญญารับทุน ซึ่งจะต้องไม่ต่ำกว่าเงื่อนไขที่กำหนดในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้ข้าราชการลาไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ พ.ศ. 2549

๕.๓ หนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร ๑๐๑๓.๘.๕/ว. ๑๐ ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๐ เรื่อง การซักซ้อมความเข้าใจ แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการอนุมัติให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัยและดูงาน ณ ต่างประเทศ

สำนักงาน ก.พ. ขอซักซ้อมความเข้าใจว่า กรณีข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย หรือดูงาน ณ ต่างประเทศ เมื่อได้รับอนุมัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัยและดูงาน ณ ต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๙ แล้ว จะต้องเสนอใบลาต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาอนุญาตตามระเบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๓๕ ด้วย อย่างไรก็ตาม เพื่อความรวดเร็วและลดขั้นตอนในการดำเนินการ ส่วนราชการอาจใช้วิธีการมอบอำนาจการอนุญาตตามระเบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๓๕ ให้อธิบดีเป็นผู้อนุญาตแทนในคราวเดียวกันได้

๕.๔ หนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร ๐๗๐๖.๖/ว ๑๒ ลงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๓๕ เรื่อง การให้ข้าราชการไปศึกษา ณ ต่างประเทศ โดยได้รับเงินเดือน

๕.๕ หนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร ๑๐๑๘/ว ๗ ลงวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๕ เรื่อง รายงานการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ

ซักซ้อมความเข้าใจขั้นตอนการรายงานการให้ข้าราชการลาศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน
ณ ต่างประเทศ ถือปฏิบัติตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ดังนี้

๑. เมื่อส่วนราชการต้นสังกัดได้อนุมัติให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศแล้ว ให้แจ้งสำนักงาน ก.พ. หรือสำนักงานผู้ดูแลนักเรียนใน ๕ ประเทศข้างต้นเพื่อทราบ

๒. สำหรับประเทศอื่น ๆ ให้ส่วนราชการต้นสังกัดมีหนังสือแจ้งโดยตรงไปยังกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ กระทรวงการต่างประเทศ โดยไม่ต้องแจ้งให้สำนักงาน ก.พ. ทราบอีก

๓. ให้ส่วนราชการต้นสังกัดแจ้งสถิติข้อมูลการลาศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ ตามระเบียบขั้นต้นไปยังสำนักงาน ก.พ. ๖ เดือนต่อครั้ง (สิ้นเดือนมีนาคมและเดือนกันยายน) เพื่อเป็นข้อมูลสถิติภาพรวมของการพัฒนากำลังคนภาครัฐ โดยสำนักงาน ก.พ. จะได้นำตารางสถิตินี้เผยแพร่ในเว็บไซด์ของสำนักงาน ก.พ. (www.ocsc.go.th)

๖. หลักเกณฑ์เกี่ยวกับประเภททุน

- รายชื่อทุนประเภท ๑ ก
- รายชื่อทุนประเภท ๑ ข
- รายชื่อทุนประเภท ๑ ค
  ทุนประเภท ๒

********************************

ฝ่ายข้าราชการลาศึกษาและฝึกอบรม
ศูนย์จัดการศึกษาในต่างประเทศและบริหารความรู้
๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๕ 

ตกลง