เทคนิคเลือกวิธีการขนส่งสินค้าทางการเกษตรให้เหมาะสม
การขนส่งสินค้าทางการเกษตรในปัจจุบันสามารถส่งได้ทั้งแบบธรรมดาและแบบรักษาความเย็นซึ่งแต่ละแบบมีข้อแตกต่างกันดังนี้
การขนส่งสินค้าแบบธรรมดา เป็นการขนส่งสินค้าทางการเกษตรแบบทั่วไป ที่ไม่จำเป็นต้องรักษาอุณภูมิ เหมาะสำหรับสินค้าที่ไม่เน่าเสียง่ายและต้องการต้นทุนต่ำ การขนส่งสินค้าในรูปแบบนี้ต้องคำนึงถึงบรรจุภัณฑ์ด้วย หากผลผลิตที่ขนส่งมีขนาดเล็กควรหาบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่ที่แข็งแรงมาบรรจุอีกครั้ง เพื่อป้องกันผลผลิตเสียหาย
การขนส่งสินค้าแบบรักษาอุณหภูมิ เหมาะสำหรับสินค้าทางการเกษตรที่ต้องการความสดใหม่ส่งตรงถึงผู้บริโภค แต่อาจจะเพิ่มมาด้วยต้นทุนที่สูงขึ้น แต่ข้อดีคือสินค้าทางการเกษตรจะสามารถยืดอายุและรักษาความสดใหม่ โดยเฉพาะผักหรือผลไม้ที่มีความบอบบาง เน่าเสียได้ง่าย โดยสามารถใช้วิธีการขนส่งแบบใช้น้ำแข็งบรรจุลงในกล่องหรือส่งด้วยบริการรถขนส่งเก็บความเย็นที่สามารถเก็บรักษาอุณภูมิได้
ในการขนส่งสินค้าทางการเกษตรนอกจากรูปแบบการขนส่งแล้ว การเลือกบรรจุภัณฑ์ในการขนส่งก็เป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งสามารถแบ่งชนิดบรรจุภัณฑ์ได้ดังนี้
1. เข่งไม้ไผ่ เป็นวัสดุที่นิยมและต้นทุนต่ำ สามารถช่วยระบายอากาศได้ดี แต่โครงสร้างมักจะไม่ค่อยแข็งแรง ทำให้ผลผลิตได้รับความเสียหายได้ง่าย
2. ภาชนะพลาสติก เป็นวัสดุที่มีความแข็งแรง ทนทาน สามารถวางซ้อนกันได้หลายชั้น แต่มีราคาค่อนข้างสูง และผิวด้านในเรียบสามารถป้องกันความเสียหายผลผลิตทางการเกษตรได้อย่างดี
3. กล่องกระดาษ เป็นวัสดุที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยปัจจุบันการขนส่งผลผลิตทางการเกษตรจะมีการเจาะรูข้างกล่องเพื่อช่วยระบายอากาศ รวมถึงการใช้พลาสติกกันกระแทกเพื่อป้องกันความเสียหาย แต่ข้อเสียคือจะไม่ทนต่อความชื้น
4. โฟม สามารถช่วยรักษาผลผลิตทางการเกษตรได้ดี เนื่องจากมีความแข็งแรง น้ำหนักเบา และสามารถยืดหยุ่นได้ดี นิยมนำมาขึ้นรูปเป็นตาข่ายเพื่อป้องกันผลผลิตทางการเกษตรเสียหายหรือทำเป็นถาดรองเพื่อบรรจุสินค้าทางการเกษตร
จะเห็นได้ว่าการขนส่งผลผลิตทางการเกษตรมีให้เลือกหลายรูปแบบ ใครที่ทำการเกษตรและมีความจำเป็นต้องขนส่งสินค้า ลองเลือกบรรจุภัณฑ์และรูปแบบให้ตรงตามความเหมาะสม เพื่อที่จะได้ส่งผลผลิตถึงมือลูกค้าอย่างมีคุณภาพและไม่ได้รับความเสียหายครับ