ปลูกเมล่อนข้างบ้าน สร้างรายได้เสริม ผลิตตามออร์เดอร์ ฟันรายได้รอบละ 4 หมื่นบาท
15 พ.ย. 2566
101
0
ปลูกเมล่อนข้างบ้าน สร้างรายได้เสริม ผลิตตามออร์เดอร์ ฟันรายได้รอบละ 4 หมื่นบาท
ปลูกเมล่อนข้างบ้าน
ปลูกเมล่อนข้างบ้าน สร้างรายได้เสริม ผลิตตามออร์เดอร์ ฟันรายได้รอบละ 4 หมื่นบาท

ปลูกเมล่อนข้างบ้าน สร้างรายได้เสริม ผลิตตามออร์เดอร์ ฟันรายได้รอบละ 4 หมื่นบาท

ผู้เขียน
ธาวิดา ศิริสัมพันธ์
เผยแพร่
วันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ.2566
“เมล่อน” เป็นพืชในตระกูลแตงที่นิยมปลูกเพื่อการค้าชนิดหนึ่ง เนื่องจากมีราคาต่อผลค่อนข้างสูง อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินอี เบต้าแคโรทีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็ก ล้วนแล้วให้ประโยชน์แก่ร่างกายทั้งนั้น ซึ่งนอกจากประโยชน์ที่มากมายแล้ว เมล่อนยังเป็นผลไม้ที่รับประทานแล้วให้ความสดชื่น ด้วยรสชาติที่หวาน กรอบ และมีกลิ่นหอมเฉพาะตามแต่ละสายพันธุ์

คุณภัทราภรณ์ ทรัพย์นิตย์ หรือ คุณอ้อ เจ้าของลูกอ้อฟาร์มเมล่อน
คุณภัทราภรณ์ ทรัพย์นิตย์ หรือ คุณอ้อ เจ้าของลูกอ้อฟาร์มเมล่อน ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 38 หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านม้า อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อบต. สาวสวย ผู้หลงใหลเมล่อนเป็นชีวิตจิตใจ นำไปสู่การพัฒนาสร้างอาชีพเสริม ใช้พื้นที่ข้างบ้านปลูกเมล่อน เน้นผลิตตามออร์เดอร์ พร้อมได้รับรองมาตรฐาน GAP ยึดสโลแกน “ลูกไหนไม่ดีเราไม่ขาย” ฟันรายได้เกือบ 40,000 บาทต่อรอบการผลิต

คุณอ้อ เล่าให้ฟังว่า ปัจจุบันเป็นพนักงานประจำอยู่ที่ อบต. ส่วนการปลูกเมล่อนสร้างรายได้เสริมนั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากความชื่นชอบการทำเกษตรอยู่แล้วเป็นชีวิตจิตใจ ซึ่งถ้าหากย้อนไปเมื่อประมาณ 8 ปีที่แล้ว เมล่อนยังเป็นผลไม้ที่ค่อนข้างมีราคาสูง และเกิดความสงสัยขึ้นว่า “ทำไมผลไม้ชนิดนี้ถึงมีราคาแพง” จึงเริ่มที่จะหาคำตอบและนำไปสู่การลงมือทดลองปลูกเองในที่สุด โดยในช่วง 1-2 ปีแรกจะเป็นช่วงของการลองผิดลองถูก เรียนรู้การบำรุงน้ำ บำรุงปุ๋ย และการป้องกันกำจัดโรคแมลง จนประสบความสำเร็จในการปลูกเมล่อนมาถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 6 ปี ที่ปลูกเมล่อนเป็นอาชีพเสริมควบคู่กับงานประจำ

arrow_forward_iosคลิก
Pause 00:00
00:30
01:31
Unmute
 

 
เมล่อนญี่ปุ่น “ออเร้นจ์ซากุระ”
โดยเสน่ห์ของเมล่อนที่ทำให้หลงใหลคือลวดลายและรสชาติของเมล่อนแต่ละสายพันธุ์ที่จะมีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งหากเป็นเมล่อนญี่ปุ่นจะเด่นในเรื่องของรสชาติหวานฉ่ำ ส่วนของเนเธอร์แลนด์จะมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ มาพร้อมกับเนื้อสัมผัสที่คล้ายกับสาลี่ โดยสายพันธุ์ที่ฟาร์มปลูกเป็นหลัก ก็จะเป็นเมล่อนสายพันธุ์ญี่ปุ่น ได้แก่ ออเร้นจ์ซากุระ, กาเลีย สวีท, อาคิระ, และเมล่อนสายพันธุ์เนเธอร์แลนด์ ได้แก่ แรงกิโป ที่ส่วนใหญ่เป็นเมล่อนเนื้อสีส้มเกือบทั้งหมด เนื่องจากคนในพื้นที่นิยมรับประทานเมล่อนที่มีความหวาน กรอบ ที่ฟาร์มจึงเลือกปลูกเมล่อนที่มีเนื้อสีส้มเป็นหลัก แต่ถ้าสำหรับลูกค้าประจำต้องการเมล่อนสายพันธุ์ที่มีเนื้อสีเขียวก็สามารถสั่งจองล่วงหน้าก่อนได้เช่นกัน

ปลูกในระยะความห่างระหว่างต้น 50 เซนติเมตร
ปัจจุบันมีพื้นที่ทำการเกษตรทั้งหมด 2 งาน แบ่งปลูกเมล่อน 2 โรงเรือน โรงเรือนละ 250 ต้น ในขนาดความกว้างของโรงเรือน 28×26 เมตร อยู่ในกำลังการผลิตที่เหมาะสมสำหรับคนทำงานประจำ คือมีเวลาน้อยแต่สามารถดูแลได้ทั่วถึง ไม่เบียดเบียนงานประจำ โดยการวางแผนจัดการปลูกที่ฟาร์มจะเน้นผลิตเมล่อนในช่วงเทศกาลเป็นหลัก เก็บเกี่ยวผลผลิตขายได้ทุกๆ 3 เดือน ซึ่งจากความคิดเห็นส่วนตัวแล้วเมล่อนยังถือเป็นพืชที่น่าสนใจอยู่มากหากคนปลูกเข้าใจลักษณะนิสัยและเทคนิคการปลูกแล้วเมล่อนถือเป็นพืชที่สร้างรายได้ดีไม่มีตก เคล็ดลับอยู่ที่การรักษาคุณภาพและมาตรฐานให้คงที่ รวมถึงความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า หากทำได้ตามที่กล่าวมานี้ไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่เยอะก็สามารถสร้างรายได้ดี ขอเพียงเรารักษามาตรฐานของผลผลิตให้สม่ำเสมอ ความต้องการของตลาด และราคาที่ดี จะตอบกลับมาหาเราเอง

เมล่อนเนเธอร์แลนด์ “กาเลีย”
ปลูกเมล่อนให้หวานเจี๊ยบ
ขั้นตอนบำรุงน้ำ-ปุ๋ย สำคัญที่สุด
สำหรับเทคนิคการปลูกเมล่อนยังไงให้รสชาติหวานเจี๊ยบ คุณอ้อ อธิบายว่า เริ่มต้นจากการเตรียมโรงเรือน โดยก่อนปลูกเมล่อนรอบใหม่ทุกครั้ง ที่ฟาร์มจะมีการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อราและหว่านไตรโคเดอร์มาชนิดสดลงบนแปลงทิ้งไว้ 1 อาทิตย์ ก่อนย้ายกระถางเข้าโรงเรือนปลูกผลผลิตรอบใหม่ทุกครั้ง และนอกจากการฆ่าเชื้อทำความสะอาดโรงเรือนแล้ว ทางฟาร์มยังให้ความสำคัญกับความสะอาดของระบบน้ำ สาย pe มากๆ คือหลังจากใช้งานเสร็จจะต้องล้างทำความสะอาดสาย pe ทุกครั้ง ก่อนนำมาใช้ใหม่ เพื่อรักษามาตรฐานของเมล่อนไว้ให้สม่ำเสมอ เพราะการที่ปล่อยให้คราบปุ๋ยเกาะอยู่ในสายหรือท่อส่งน้ำนานๆ ก็ส่งผลต่อคุณภาพของผลผลิตได้เช่นกัน เพราะหลักๆ ของการปลูกเมล่อนต้องเน้นปริมาณการบำรุงปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอ

การจัดการในโรงเรือนสะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย
ถัดมาคือขั้นตอนการล้างกระถางก่อนปลูกทุกครั้ง พร้อมกับการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อในโรงเรือนอีกรอบก่อนย้ายต้นกล้าลงกระถางปลูก โดยวัสดุที่ใช้ปลูกเมล่อนมีดังนี้ 1. ดินปลูกสำเร็จรูป 2. ขุยมะพร้าวสับ 3. มูลไส้เดือน ผสมใส่เล็กน้อย ปลูกในระยะห่างระหว่างกระถาง 50 เซนติเมตร

การเพาะเมล็ด ใช้เวลาในการบ่มเมล็ด 1 วัน แล้วทำการย้ายจากการบ่มเมล็ดลงถาดเพาะประมาณ 7-10 วัน หรือให้สังเกตจากใบเลี้ยงหากขึ้นครบ 2 ใบ สามารถย้ายลงกระถางปลูกได้เลย

 
พร้อมย้ายลงแปลงปลูกแล้ว
การย้ายกล้า โดยขั้นตอนก่อนย้ายกล้าลงกระถางปลูกทางฟาร์มจะใช้วิธีละลายเชื้อราไตรโคเดอร์มาปล่อยไปตามสายน้ำหยดเพื่อฆ่าเชื้อราในดินก่อนที่จะย้ายกล้าลงปลูกไว้ 1 คืน แล้วจึงค่อยทำการย้ายกล้าลงกระถางปลูกในช่วงเย็นเพราะระบบรากจะเดินได้ดีกว่าการย้ายกล้าในช่วงเช้า จะทำให้ระบบรากจะสะดุ้ง โดยเฉพาะช่วงที่อากาศร้อนจัด

การบำรุงรดน้ำ-ใส่ปุ๋ย หลังจากย้ายกล้าลงกระถางในช่วง 2 วันแรก ทางฟาร์มจะให้น้ำเปล่าอย่างเดียว พอเข้าสู่วันที่ 3 เริ่มบำรุงด้วยปุ๋ยเอบีปล่อยไปพร้อมกับระบบน้ำหยด ปล่อยค่าปุ๋ยตามแต่ละช่วงอายุของพืช โดยในช่วง 21 วันแรก จะให้ปุ๋ยวันละ 2 ครั้ง เช้า-บ่าย

หลังจากพอถึงช่วงผสมเกสรช่วงกำลังติดลูก จะเพิ่มช่วงระยะเวลาการให้น้ำเป็นเช้า-กลางวัน-เย็น

จนมาถึงช่วงสุดท้าย คือช่วงก่อนเก็บเกี่ยวผลผลิต 20 วันเริ่มทำหวาน จะเพิ่มช่วงระยะเวลาการให้ปุ๋ยถี่ขึ้น เป็นทุก 3-4 ชั่วโมงให้ปุ๋ยครั้ง เป็นเวลา 1 อาทิตย์ หลังจากนั้นก่อนเก็บเกี่ยว 1 อาทิตย์จะงดน้ำงดปุ๋ยเพื่อเพิ่มความหวาน

 
ผลผลิตอุดมสมบูรณ์เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์
ซึ่งเทคนิคการทำหวานนอกจากการให้น้ำให้ปุ๋ยอย่างถูกช่วงเวลาแล้ว การบำรุงต้นให้สมบูรณ์ บำรุงใบให้เขียว ดูแลป้องกันไม่ให้เกิดโรคและแมลงศัตรูพืช ไม่เกิดราน้ำค้าง หรือเพลี้ยไฟ ยังไงผลผลิตก็ออกมาสมบูรณ์รสชาติหวานแน่นอน

การดูแลป้องกันกำจัดโรคและแมลง โดยโรคพืชที่พบบ่อยในเมล่อนคือ โรคราน้ำค้าง และโรคใบจุด ที่ฟาร์มก็จะเน้นการป้องกันมากกว่าการแก้ไข ด้วยการฉีดพ่นเชื้อราไตรโคเดอร์มา ฮอร์โมนไข่อาทิตย์ละครั้ง

เตรียมจัดส่งลูกค้าออนไลน์
ปริมาณและคุณภาพของผลผลิต ปัจจุบันสามารถผลิตเมล่อนได้ประมาณ 250 ลูกต่อ 1 โรงเรือน เก็บผลผลิตทุกๆ 3 เดือน เฉลี่ยน้ำหนักต่อผลอยู่ที่ประมาณ 1.3-2 กิโลกรัม จำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 100 บาท ตลอดทั้งปี โดยผู้บริโภคส่วนใหญ่จะนิยมเมล่อนที่มีน้ำหนักต่อผลที่ 1.5 กิโลกรัมต่อผล ซึ่งผลตอบรับจากลูกค้าที่มีต่อลูกอ้อฟาร์มเมล่อนดีมาตลอด ผลผลิตออกมาเท่าไหร่ยังไม่พอขาย ด้วยคุณภาพและมาตรฐานที่ทางฟาร์มรักษาให้คงที่เสมอมา ซึ่งทางฟาร์มได้กำหนดไว้ว่าหากเมล่อนที่มีความหวานต่ำกว่า 13 บริกซ์ ที่ฟาร์มจะไม่จัดส่งให้ลูกค้าอย่างแน่นอน และถัดมาคือเรื่องของกระบวนการจัดส่งสินค้า หาสินค้าแตกเสียหายทางร้านรับเคลมให้ฟรีทุกลูก รวมถึงการจัดทำโปรโมชั่นการขายในทุกช่วงเทศกาล โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ ตรุษจีน สงกรานต์ และวันแม่ ทางฟาร์มจะมีการเปิดให้ลูกค้าสั่งทำลายเมล่อนให้ฟรี สำหรับเป็นของขวัญแทนใจสุดพิเศษ ช่วยดึงดูดลูกค้า โดยขั้นตอนของการทำลายจะเริ่มทำหลังจากทำการผสมเกสรประมาณ 12 วัน สามารถทำลายได้ ด้วยการใช้เข็มเขียนลายลงบนผิวของเมล่อนตามลายที่ต้องการ แต่ไม่แนะนำให้ทำในช่วงหน้าฝน เนื่องจากเป็นช่วงที่อากาศชื้นจะทำให้เมล่อนติดโรคได้ง่าย

“อาคิระ” เมล่อนญี่ปุ่น
รายได้ต่อรอบการผลิต 30,000-40,000 บาท เมื่อเทียบกับต้นทุนแล้วถือว่าเมล่อนเป็นพืชที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า หากมีการจัดการระบบน้ำ ระบบปุ๋ย และการดูแลป้องกันรักษาโรคที่ดี คิดเป็นต้นทุนการดูแลอยู่ที่ต้นละ 30 กว่าบาท แต่สามารถจำหน่ายได้กิโลกรัมละร้อย ถือว่าน่าพึงพอใจเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับการดูแลที่ไม่ต้องใช้เวลาดูแลทั้งวัน

ฝากถึงเกษตรกรรุ่นใหม่
“สิ่งที่อ้ออยากแนะนำสำหรับเกษตรกรมือใหม่ หรือคนที่ต้องการทำเกษตรเป็นอาชีพเสริม อันดับแรกเลยคือคุณต้องถามตัวเองก่อนว่าตัวเองมีความชื่นชอบและรักในงานเกษตรมากแค่ไหน หรือชอบจริงๆ หรือเปล่า เพราะถ้าหากไม่ชอบก็ทำไม่ได้ เสียเงินเสียเวลาเปล่าๆ แต่ถ้าคนชอบการทำเกษตรยังมีอะไรให้ต่อยอดอีกเยอะ เพราะสินค้าเกษตรสามารถขายได้หมดทุกอย่าง เพียงแค่รู้จักการทำตลาดให้เป็น อย่างตัวอ้อเองถามว่าเมล่อนปลูกยากไหม ตอบได้เลยว่าปลูกยากนะ เพราะเมล่อนเป็นพืชที่อ่อนแอมาก คนฉีดน้ำหอมเข้าไปในโรงเรือนก็ไม่ได้นะ หรือบางคนมีกลิ่นเหงื่อแรงๆ ก็ไม่ได้นะ เพราะฉะนั้นคนทำต้องรักจริงๆ ถึงจะทำเกษตรให้ประสบความสำเร็จได้ค่ะ” คุณอ้อ กล่าวทิ้งท้าย

หากสนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทร. 062-884-4923 หรือติดต่อได้ที่เพจเฟซบุ๊ก : อาหมวย ชาวสวน

โปรโมชั่นสุดพิเศษช่วงเทศกาล สลักชื่อหรือรูปภาพบนผลเมล่อนให้ฟรี
เตรียมจัดส่งลูกค้าออนไลน์

ตกลง